posttoday

ศึกชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรค!"ทนายเชาว์"ซัด"เฉลิมชัย"รักปชป.จริงเลิกกินรวบ

02 กรกฎาคม 2566

"ทนายเชาว์ มีขวด" ดับเครื่องชน "เฉลิมชัย" ซัดรักพรรคจริงเลิกกินรวบ เสนองดเว้นข้อบังคับพรรค เลิกใช้สัดส่วน 70% ของสส.ชี้ขาดใครนั่ง หน.พรรค ระบุพรรคอยู่ในสภาวะไม่ปกติ ต้องให้องค์ประชุมใหญ่มีคะแนนเท่ากัน ร่วมชี้ชะตาอนาคต ปชป.

     วันนี้(2 ก.ค.66) นายเชาว์ มีขวด อดีตรองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ ข้อความในเฟซบุคส่วนตัว (Chao Meekhuad  ) หัวเรื่อง "1 เสียง 1 โหวต ทางออก ฟื้น ปชป." โดยมีเนื้อหาระบุว่า 9 ก.ค.นี้ พรรคประชาธิปัตย์ มีกำหนดประชุมใหญ่ 

     วาระสำคัญ คือ การเลือกผู้บริหารชุดใหม่ มาแทนชุดเดิมที่พ้นตำแหน่งไป จากการลาออกของนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ เพื่อรับผิดชอบต่อความพ่ายแพ้ในสนามเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมา 

     จะเห็นได้ว่าการชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคในคราวนี้ แตกต่างไปจากอดีตที่เคยมีมา แทบจะไม่มีใครเสนอตัวออกมาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคเลย ยกเว้น นายอลงกรณ์ พลบุตร

     สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะคนในพรรครู้ดีแก่ใจว่า ตำแหน่งหัวหน้าพรรค รวมถึงผู้บริหารทั้งหมดในตอนนี้อยู่ในอาณัติของนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน อดีตเลขาธิการพรรคฯ ที่กุมเสียง ส.ส.ในมือราว 20 คน จากทั้งหมด 25 คน สั่งให้ใครเป็นหัวหน้าพรรคคนนั้นก็จะได้เป็น 

     เนื่องจากข้อบังคับพรรคให้น้ำหนัก ส.ส. เป็นสัดส่วนถึง 70 % ขององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ในการลงคะแนน ข้อบังคับพรรคไม่ได้ผิดอะไร ที่ให้ความสำคัญกับ ส.ส. ซึ่งเป็นตัวแทนของประชาชน แต่ในอดีตก็มีการแก้ไขสัดส่วนคะแนนเสียง ส.ส. มาตลอดเพื่อให้สมดุลย์เข้ากับสถานการณ์แต่ละยุค 

     ซึ่งตอนแก้ข้อบังคับเมื่อปี 61 ก่อนหน้านี้พรรคมี ส.ส.เกินหลักร้อยมาตลอด และใครก็ไม่เคยคาดคิดว่าจะตกต่ำเหลือแค่ 25 คนในยามนี้ จากพรรคขนาดใหญ่ กลายเป็นพรรคขนาดกลาง และกำลังเป็นพรรคขนาดเล็ก ถือเป็นสถานการณ์ไม่ปกติ ช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อเช่นนี้จึงไม่สมควรที่จะให้ ส.ส. 25 คน มากุมชะตากรรมพรรคเพียงลำพัง  

     การเลือกตั้งกรรมการบริหารพรรค ในวันที่ 9 ก.ค.นี้ ตนจึงขอเสนอให้ที่ประชุมใหญ่ลงมติสามในห้าขององค์ประชุมของที่ประชุมใหญ่ให้ยกเว้นข้อบังคับข้อ 87 (1),(2) ที่ให้ถือเกณฑ์คำนวณคะแนนเสียงในการเลือกตั้งสัดส่วน ส.ส. 70 % และสมาชิกอื่นที่เป็นองค์ประชุม 30% เสีย 

     โดยให้ใช้เสียงข้างมากของผู้ลงคะแนนเสียง เพื่อให้ทุกคะแนนเสียงขององค์ประชุมที่ประชุมใหญ่ มีหนึ่งเสียง หนึ่งโหวตเท่ากันในการกำหนดชะตาครั้งสำคัญของพรรค

     "ถ้ารักพรรคจริง ต้องเปิดโอกาสให้ทุกคนมีส่วนร่วมตัดสิน ไม่ใช่ใช้ข้อได้เปรียบจากข้อบังคับพรรคมาจ้องกินรวบพรรคอย่างที่เป็นอยู่ คนชอบพูดว่าผมเป็นคนของนายกฯอภิสิทธิ์ ผมไม่ปฏิเสธว่าเคารพรักท่าน แต่ตำแหน่งหัวหน้าพรรคสำหรับผมจะชื่ออะไรก็ได้ 

สำคัญที่คนๆนั้น ต้องมีบารมี มีเจตจำนงค์ทำพรรคให้เป็นพรรค ไม่ใช่คิดแต่ใช้พรรคเป็นบันไดในการแสวงหาอำนาจ เรามีบทเรียนมามากพอแล้วกับการละทิ้งคำสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนในการเลือกตั้งปี 2562 ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่เปราะบาง ประชาธิปัตย์ต้องเข้มแข็งเพื่อเป็นหลักให้กับบ้านเมือง 

ส่วนจะไปถึงจุดนั้นได้หรือไม่ ชี้วัดกันที่การเลือกหัวหน้าพรรควันที่ 9 ก.ค. ที่ผมยืนยันว่า ต้องยกเว้นข้อบังคับ เลิกสัดส่วน 70% ของ ส.ส. เป็นให้ทุกคะแนนมีค่าเท่ากัน สมาชิกพรรคท่านไหนเห็นด้วยกับผม ขอให้ช่วยกันกระจายโพสต์นี้ไปทุกช่องทางสื่อสาร และเฟสบุ๊คพรรค เพื่อร่วมกันสร้างพรรคประชาธิปัตย์ให้กลับมาเป็นสถาบันทางการเมืองอีกครั้ง”นายเชาว์ ระบุทิ้งท้าย