“พิธา” หารือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ เสนอจัดสรรกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไทย
“พิธา” หารือสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวฯ ชี้นักท่องเที่ยวจีนพร้อมเที่ยวแต่ยังไม่ออกนอกประเทศ เสนอจัดสรรกลุ่มนักท่องเที่ยวเข้าไทย และเน้นกระจายตัว ไม่กระจุกตัวแค่ 5 เมืองใหญ่
นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วย นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร ส.ส.กทม. พรรคก้าวไกล และนายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล ร่วมหารือกับ นายชำนาญ ศรีสวัสดิ์ ประธานสภาอุตสาหกรรมท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย (สทท.) และคณะ
โดยนายพิธา กล่าวว่า วันนี้จะมาหารือกับประธานสภาการท่องเที่ยว หลังพบว่า การท่องเที่ยวหายไป 30-40% แม้นักท่องเที่ยวจีนจะฟื้น แต่ส่วนใหญ่ยังเป็นการท่องเที่ยวในประเทศ
ทั้งนี้ หากหน่วยงานราชการ ภาคเอกชน ยังไม่รู้ว่าจะทำงานต่ออย่างไร ตัดสินใจไม่ได้ว่าจะลงทุนหรือไม่ลงทุน สามารถมาแลกเปลี่ยนหารือกับ 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลได้
นายพิธา ยังกล่าวว่า ตนได้ดูสถิตินักท่องเที่ยวจีนที่เริ่มท่องเที่ยวหลังโควิด-19 เท่ากับก่อนโควิด-19 แต่ยังเป็นการท่องเที่ยวภายในประเทศ สูงขึ้น 2 เท่าตัว เมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา แปลว่าเขาพร้อมที่จะท่องเที่ยวแต่ยังไม่ออกนอกประเทศ จึงต้องมาหารือกันว่าสาเหตุเกิดจากอะไร เราจะจัดสรรพอร์ตฟอริโอของนักท่องเที่ยวแบบปี 2562
รวมทั้งจะทำอย่างไรให้นักท่องเที่ยว กระจายทั้งมหภาคและจุลภาค เพราะมีความสำคัญกับเศรษฐกิจพอสมควร ซึ่งการที่นักท่องเที่ยวเข้ามาในประเทศเป็นการใช้จ่ายแบบเงินสด ทำให้เกิดการหมุนเวียน เมื่อเทียบกับภาคอุตสาหกรรม กว่าจะผลิตส่งถึงเก็บเงิน ทำให้เงินหมุนช้า ดังนั้นการท่องเที่ยวมีความสำคัญ
ทั้งนี้ ตนจะเอาประสบการณ์ ที่เคยทำงานในภาคเอกชน การทำงานที่ ส.ส.และกรรมาธิการงบประมาณ เพื่อนำงบมาเปรียบเทียบกับ GDP ที่มาจากการท่องเที่ยว เพื่อให้เห็นตัวเลข ซึ่งการทำงานต้องบูรณาการกัน ไม่ว่าจะเป็นกระทรวงท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ต้องทำงานให้เป็นองคาพยพเดียวกัน
นอกจากนี้ นายพิธา ยังกล่าวในที่ประชุมช่วงหนึ่งว่า การท่องเที่ยวไทยก่อนและหลังโควิด-19 ไม่เหมือนกัน จากที่เคยเป็น ส.ส.ได้เห็นงบประมาณด้านการท่องเที่ยว แม้วันนี้ จะเป็นการประชุมกันครั้งแรก แต่ไม่ใช่ครั้งสุดท้ายท่านอาจจะมีคำถามฝากไว้ให้ผม ผมอาจจะมีคำถามฝากไว้ให้ท่าน ประชุมครั้งหน้า เพื่อดำเนินงานต่อไปได้
พร้อมย้ำถึงกรอบคิดเรื่องการท่องเที่ยวว่าเราต้องจิตนาการการท่องเที่ยวไทยใหม่ ใน 2 -3 กรอบ คือ การคิดในระดับมหภาคและจุลภาค โดยในระดับมหภาค คือ ตัวเลขนักท่องเที่ยวที่เข้ามาในไทย ช่วงก่อนและหลังโควิด-19 ซึ่งสองส่วนไม่เหมือนกันแม้แต่นิดเดียว เราจะต้องจัดสรร portfolio ว่าอยากได้นักท่องเที่ยวจากที่ไหน กลุ่มไหนมาในประเทศไทย เราต้องมานั่งคิดกัน ส่วนระดับจุลภาค ตนอยากให้ กระจายออกไม่กระจุก เพราะทุกวันนี้ 75% ของนักท่องเที่ยว ยังกระจุกตัวอยู่ใน 5 เมืองใหญ่
เมื่อเกิดการกระจุกตัว ปัญหาคือเขาจะอยู่ไม่นาน ใช้เงินไม่เยอะ หากมีการกระจายออก ก็จะเกิดการเดินทางการใช้จ่าย นี่เป็นความตั้งใจของเรา ขณะเดียวกันก็จะเป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจฐานรากด้วย พร้อมต้องคิดถึงอุปสงค์อุปทาน ทุกอย่างต้องบูรณาการกัน เช่น ซัพพลาย การท่องเที่ยว ทั้ง ไกด์ มัคคุเทศก์ แรงงาน เน้นการพัฒนาศักยภาพ เพื่อรองรับการท่องเที่ยวให้เกิดความยั่งยืน ซึ่งตนเชื่อมั่นว่า หากเราทำครบทั้งองคาพยพ เชื่อว่าการท่องเที่ยวหลังโควิด-19 ในประเทศไทยดีกว่าเดิมไปต่อได้และยั่งยืนกว่าเดิม
ด้าน นายชำนาญ กล่าวว่า เรารู้สึกมีความหวังขึ้นมา ตื่นเต้นที่ได้มีโอกาสมาแลกเปลี่ยนพูดคุยกัน ซึ่งมีตัวแทนมาจากทั่วประเทศ อีกทั้งเรามีเรื่องในใจที่จะนำมาเสนอ และหากสมาชิกคนใดมีข้อเรียกร้องอะไร จะต้องบอกแนวทางในการแก้ไขด้วย


