posttoday

พล.อ.สุรเชษฐ์รับสนิททนายตั้มแต่ไม่เคยสั่งให้ลูกน้องลากกระเป๋า

25 เมษายน 2566

พล.อ.สุรเชษฐ์ รับสนิทกับทนายตั้ม แต่ไม่มีข้อยกเว้นให้ทำผิดกม.ได้ ปัดสั่งตำรวจท่องเที่ยวยกกระเป๋าที่สนามบิน เคยปรามแล้วเป็นทนายประชาชนต้องทำจริงไม่ใช่หิวแสง ฝากขอบคุณคำเตือนชูวิทย์

เมื่อวันที่ 25 เมษายน 2566 ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (รอง ผบ.ตร.) กล่าวถึงกรณีนายชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ โพสต์คลิปตำรวจท่องเที่ยวอำนวยความสะดวกให้กับลูกความของนายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชน ที่สนามบินสุวรรณภูมิ พร้อมระบุเพราะทนายตั้มมีความสนิทกับพล.ต.อ.สุรเชษฐ์ 

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวยอมรับว่า สนิทกับนายษิทรา หลายคนก็มีความสนิท เพียงแต่ว่านายษิทราเป็นคนชอบโพสต์ ภาพเหล่านี้จึงออกไปปรากฎต่อสาธารณะ การรู้จักกันสนิทกันไม่ได้หมายความว่าให้นายษิทราไปทำผิดกฎหมายได้

ส่วนที่ตำรวจท่องเที่ยวไปหิ้วกระเป๋ากับภาพที่ปรากฏ ต้องเรียนว่าไม่ได้สั่งนิสัยส่วนตัวเป็นคนเข้มงวดเรื่องวินัยจะไม่สั่งลูกน้องทำแบบนี้ อีกอย่างการที่มีตำรวจท่องเที่ยวไปรับใครก็ตามที่เป็นผู้บังคับบัญชาของตำรวจท่องเที่ยวต้องตรวจสอบให้ได้ว่าพฤติกรรมแบบนี้ใครสั่ง มันหาไม่ยากว่าใครสั่ง แล้วไปรับได้อย่างไร มันเสียหายกับภาพลักษณ์ตำรวจ

ขอเรียนตรงๆ ว่า เราเป็นตำรวจรู้จักทุกคนได้หมด แต่ว่ารู้จักผมแล้วจะทำผิดกฎหมายไม่ได้ ไม่ใช่ว่ากินข้าวกับผมแล้วจะไปยิงใครก็ได้ ถ้ากินข้าวกันรู้จักกัน ถ้าทำผิดกฎหมายก็จับแล้วห้ามโกรธกัน

พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวอีกว่า การรู้จักกับนายษิทรายังไม่มีอะไรที่เป็นความผิด ถ้าเป็นความผิดก็ต้องดำเนินคดีกับทนายตั้มเช่นเดียวกัน ทุกอย่างมาตรฐานเดียวกันหมด ที่มีภาพกับนายษิทราเป็นภาพจริง เขาเป็นทนาย บางทีก็มีกลุ่มเพื่อนทนาย ก็มีการพูดคุยเรื่องคดีต่างๆ เพราะผมทำงานด้านสืบสวนสอบสวน บางทีคนอื่นเอาไปโพสต์หรือตั้มนำไปโพสต์จึงเกิดประเด็นขึ้น

ผู้สื่อข่าวถามว่า ทนายตั้มนำภาพไปโพสต์จะเกิดความเสื่อมเสียต่อภาพลักษณ์หรือไม่ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ก็ไม่กระทบอะไร ทุกวันนี้ทนายตั้มก็มีทนายความอยู่ คดีความของเขาก็ต้องไปต่อสู้เอง วันนี้ไม่มีใครมาฟังเขา แม้แต่อัยการยังสั่งคดีเขาอยู่ ไม่มีใครไปแทรกแซงได้ ส่วนก็ไม่เคยไปยุ่งเกี่ยวกับคดีขนาดตำรวจด้วยกันก็ยังจับถ้านายษิทราผิด ผมก็ต้องจับ อย่าไปคิดว่ากินข้าวกับผม รู้จักกับผมแล้วต้องทำผิดกฎหมายได้ เราเป็นตำรวจเรารู้จักคนทุกสังคมไม่ว่าจะเป็นคนข้างบนหรือข้างล่าง ไม่ใช่แต่ทนายตั้มที่รู้จัก หรือกินข้าวคนอื่นก็เหมือนกันเพียงแต่นายษิทราชอบโพสต์

เมื่อถามถึงการที่นายษิทราซื้อของแบรนด์เนม ทั้ง เสื้อ เนคไท มามอบให้ ผิดกฎของราชการหรือไม่ รองผบ.ตร. ถามกลับว่าซื้อให้ใคร ภาพที่ปรากฏไม่ใช่วันเกิดของตน แต่เป็นวันเกิดของภรรยาไม่ได้ซื้อให้ตนเองไม่เคยเอาของอะไรของเขามาเลย ไม่มีใครซื้อของมาให้ผมได้ นายษิทราไม่มีปัญญาซื้ออะไรมาให้ผม มีแต่ผมต้องให้เขาด้วยซ้ำ ใครจะพูดอะไรก็ตามอยู่ที่ความเป็นจริง

ส่วนนายษิทราวันนี้ เมื่อเขาทำอะไรไป ผลลัพธ์ก็เกิดกับเขาเอง วันนี้จะเห็นว่าสิ่งที่เขาทำอะไรไปจริงบ้างไม่จริงบ้าง สุดท้ายผลลัพธ์ก็ตกอยู่กับตัวเอง โลกโซเชียลมีเดีย ใครทำจริง ไม่จริง ไม่ต้องรอให้ใครมารายงาน สังคมตรวจสอบเอง

เมื่อถามต่อว่าจะเรียกนายษิทรา หรือถอยห่างออกมาหรือไม่ เพราะเรื่องที่เกิดขึ้นทำให้ภาพลักษณ์เสียหาย พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า อันไหน คือ พวกก็คือพวก หลักของผมไม่ใช่ว่า วันนี้เขาแย่แล้วเราจะไปทิ้งเขา ไม่ใช่อย่างนั้น เพียงแต่ว่าเราไม่ช่วยสนับสนุนเขาทำในสิ่งไม่ถูกต้อง เพื่อนคือเพื่อน พวกคือพวก นายษิทราปรามไปเยอะแล้ว บอกไปตั้งนานแล้วว่า การเป็นทนายเพื่อประชาชนไม่ใช่ทนายที่หิวแสง การเป็นทนายประชาชนต้องไม่ใช่ทนายเซเลป ต้องเป็นทนายที่ทำจริง ทำให้ประชาชนเห็น

เมื่อถามอีกว่าดูเหมือนเขาจะไม่ฟัง รอง ผบ.ตร. กล่าวว่า เขาไม่ใช่ญาติผม เขาจะฟังผมได้ไง แต่เราก็เตือนในฐานะเป็นน้องไม่ได้สนิทถึงขนาดที่ต้องไปบอกให้เขาทำอะไรได้ แต่ถามว่าที่ผ่านมา เราดีกันแต่วันนี้อยู่จะให้ไปตัดกันเลยไม่ได้ วันนี้เขาตกอับ เราจะไปทิ้งเขาก็เป็นคนที่คบไม่ได้

เมื่อถามอีกว่า นายชูวิทย์เตือนให้ระวังการกระทำของทนายตั้มจะทำให้ได้รับผลกระทบ พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ กล่าวว่า ต้องขอบคุณนายชูวิทย์ แต่ผมรู้ว่าผมอยู่แค่ไหน ผมรู้จักกับใครก็กินข้าวกัน บางคนเป็นผู้ต้องหาที่ประกันตัวออกมา ผมก็กินข้าวด้วย แต่ถ้าไม่โพสต์ก็ไม่มีคนรู้ แต่นายษิทราเป็นคนชอบโพสต์ก็ได้มีการเตือนไปตั้งนานแล้ว เป็นทนายประชาชนต้องทำจริง แต่ไม่ใช่ทนายหิวแสงหรือทนายเซเลป

สิ่งที่เขาเจอวันนี้เป็นบทเรียน ไม่ต้องมีใครสอนเขา สิ่งที่เขากำลังเจอจะเป็นบทเรียนให้เขา ส่วนผมจะโดนกระทบกระทั่งบ้าง ก็ไม่เป็นไร ถือว่าเรารู้จักกัน คนสองคนทะเลาะกันสะเก็ดกระเด็นมาถูกผมบ้าง ก็ไม่เป็นไร และการที่คน 2 คนทะเลากัน ผมก็ไม่ไปยุ่งเกี่ยว ไม่โกรธนายชูวิทย์ เพราะผมถือว่าไม่เป็นเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องจริงป่านนี้ ผบ.ตร.ตั้งกรรมการสอบผมไปแล้ว ส่วนที่มีการคุยกับนายชูวิทย์วานนี้ (24 เม.ย.) เพราะเห็นเขาโพสต์ก็อธิบายให้เขาฟังว่าเรื่องที่เกิดขึ้นไม่ใช่เรื่องจริง ใครทำก็ต้องรับผิดชอบไป