posttoday

ประธานกสทช.เคลียร์ 2 ประเด็นร้อน งบยูโซ่-สรรหาเลขาฯ

15 มีนาคม 2566

ยืนยันไม่ได้ทำโครงการป้อนสธ.แต่หารือร่วมกัน 24 หน่วยงาน เร่งเคาะประชุมบอร์ด 29 มี.ค.นี้ ส่วนการสรรหาเลขาฯกสทช.มั่นใจทำถูกกฎหมาย มีอำนาจในการเลือก เดินหน้าเปิดรับสมัครภายในเดือนนี้ เพื่อให้ได้เลขาฯเดือนเม.ย.

ศาสตราจารย์คลินิก สรณ บุญใบชัยพฤกษ์ ประธานคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) กล่าวว่า การประชุมคณะกรรมการ (บอร์ด) กสทช.วันนี้ (15 มี.ค.2566) วาระการพิจารณา โครงการโทรเวชกรรมถ้วนหน้า (Universal Telehealth Coverage : UTHC) หรือ เทเลเฮลท์ งบประมาณ 3,850ล้านบาท ที่อยู่ภายใต้แผน USO 2565 ฉบับที่ 3 (2565) งบประมาณ 8,000 ล้านบาท นั้น ยังไม่ได้ข้อสรุป หลังจากที่ถกเถียงกันเป็นเวลากว่า 3 ชั่วโมง ทำให้ต้องนำมาเข้าที่ประชุมใหม่วันที่ 29 มี.ค. 2566 และต้องมีการลงมติเพื่อเดินหน้าโครงการต่อ

สำหรับโครงการดังกล่าวมีการเสนอแผนในที่ประชุมตั้งแต่เดือน พ.ค. 2565 ซึ่งล่าช้าไปมากและควรจะได้ข้อสรุปเพื่อเดินหน้าโครงการตั้งแต่เดือน ก.พ.2566 แล้ว ตอนนี้ล่วงเลยมาใกล้ชนเดือน พ.ค.อีกรอบ ดังนั้นการรีบหาข้อสรุป ไม่ใช่เรื่องการเมือง ไม่ใช่การเร่งทำก่อนที่จะเปลี่ยนรัฐบาล
 

จุดเริ่มต้นของโครงการไม่ใช่สิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขมาของบประมาณ กสทช. หรือ กสทช.ทำโครงการให้กระทรวงสาธารณสุข แต่เป็นการตั้งคณะทำงานหารือร่วมกัน  24 หน่วยงาน เช่น สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.),กรมบัญชีกลาง , กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอีเอส) และ กระทรวงสาธารณสุข  เป็นต้น เพื่อต้องการให้ เทเลเฮลท์ เกิดการใช้งานได้จริง ผู้ป่วยติดเตียง ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย และผู้ป่วยอื่นๆ ที่ไม่สามารถเดินทางมาพบแพทย์ได้ สามารถพบแพทย์ผ่านแพลตฟอร์มของโครงการนี้ได้ คาดจะเกิดประโยชน์ต่อผู้ป่วยประมาณ 50,000 คน กับ 1,194 โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.) 


“เทเลเฮลธ์ กับ เทเลเมดิซีน คนละความหมายกัน เราไม่ได้ทำแค่เน็ตเวิร์กให้ผ่าตัดทางไกล เราไม่อยากทำแค่โครงการทดลองเหมือนที่ผ่านมา เพราะเป็นการตำน้ำพริกละลายแม่น้ำ แต่เราต้องการเปลี่ยนโครงสร้างด้านสาธารณสุข ผมไม่ได้เป็นคนจัดสรรงบ มีการจัดสรรมาก่อนที่ผมจะเป็นกสทช.ถามว่าโครงการซ้ำซ้อนกับที่มีอยู่หรือไม่ ก็ได้คำตอบจากปลัดกระทรวงสาธารณสุขว่า ไม่ เพราะโครงการนี้เป็นการวางโครงสร้างโทรคมนาคมที่มากกว่าการสื่อสาร”
 

ส่วนประเด็น การสรรหาเลขาธิการกสทช.ประธานกสทช.อธิบายว่า การสรรหาเลขาธิการกสทช.มีกฎหมายเฉพาะตามมาตรา 60,61 ระบุว่า ประธานมีอำนาจในการแต่งตั้งและปลดเลขาธิการกสทช.ได้ การเลือกเลขาฯกสทช.ทำได้ 2 วิธีคือ คือ เลือกเอง หรือ ให้บอร์ดเลือก ดังนั้นเมื่อเลขาฯมีหน้าที่ทำงานใกล้ชิดประธานและประธานต้องดูแลสำนักงานขณะที่บอร์ดที่เหลือไม่ใช่ จึงจำเป็นต้องเลือกคนที่ทำงานกับตนเองได้ 

เมื่อย้อนไปดูในสมัยที่นายฐากร ตัณฑสิทธิ์ เป็นเลขาธิการ ก็เกิดจากการเปิดรับสมัครและให้บอร์ดทั้ง 11 คนเลือกตามคะแนนผลโหวต แต่เมื่อนายฐากร หมดวาระ ประธานกสทช.ก็เป็นคนเสนอชื่อเองโดยไม่มีการเปิดรับสมัครและบอร์ดมีหน้าที่เห็นชอบเท่านั้น

“ผมไม่ได้แปลผลตามกฎหมายเอง ถ้าอ่านตามตัวหนังสือ ตอนที่อยู่กันกับบอร์ด 5 คน เราก็ส่งให้อนุกรรมการกฎหมายดูแล้วว่าเหมาะสมในการแต่งตั้งอย่างไร ซึ่งอนุฯบอกว่าประธานจะใช้กระบวนการอย่างไรก็ได้ ทั้งเปิดรับสมัคร หรือ เชื้อเชิญ หรือ เลือกใครที่มีคุณสมบัติก็ได้ และให้กรรมการเห็นชอบ ผมไม่ได้กินเอง ชงเอง องค์กรอื่น แม้แต่ศาลปกครงเอง ก็ตาม ผมไมได้มอบอำนาจให้ตัวเอง กฎหมายมอบอำนาจหน้าที่ตามกฎหมายให้ผม ผมก็เลยแจ้งเพื่อทราบว่าผมจะสรรหาเอง ”
 

ประธานกสทช.ยืนยันว่าจะรีบเปิดรับสมัครเร็วที่สุด ใช้กระบวนการเปิดรับสมัคร 14 วัน โดยตนเองจะเลือกเองเหลือ 1 คน เสนอบอร์ดเห็นชอบเท่านั้น คาดว่าจะได้ภายในเดือนเม.ย.นี้