posttoday

ครม.มีมติเห็นชอบ "โครงการบ้านล้านหลัง เฟส3" หนุนผู้มีรายได้น้อยมีบ้าน

21 กุมภาพันธ์ 2566

"อาคม" เผยครม.เห็นชอบ โครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ หรือ โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 เพื่อหนุนผู้มีรายได้น้อย มีบ้านเป็นของตนเองในราคาเอื้อมถึงได้ หลังเฟส 2 ยอดคำขอสินเชื่อเต็มวงเงินแล้ว อนุมัติแล้วกว่า 2.2 หมื่นราย จำนวนเงินกว่า 1.9 หมื่นล้านบาท

นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง เปิดเผยว่า เมื่อวันที่ 21 กุมภาพันธ์ 2566 คณะรัฐมนตรีได้มีมติเห็นชอบโครงการสินเชื่อเพื่อที่อยู่อาศัยแห่งรัฐ (โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3) ของธนาคารอาคารสงเคราะห์ (ธอส.) เพื่อสนับสนุนให้ประชาชนผู้มีรายได้น้อยมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่ไม่สูงและเหมาะสมกับศักยภาพของประชาชนแต่ละกลุ่ม โดยเฉพาะกลุ่มผู้มีรายได้น้อยที่ไม่สามารถเข้าถึงสินเชื่อของธนาคารพาณิชย์ กลุ่มวัยทำงาน หรือประชาชนที่กำลังเริ่มต้นสร้างครอบครัว รวมถึงกลุ่มผู้สูงอายุ ซึ่งเป็นโครงการต่อเนื่องจากโครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 ที่มียอดคำขอสินเชื่อเต็มกรอบวงเงินแล้ว โดยมียอดอนุมัติสินเชื่อแล้วจำนวน 22,240 ราย เป็นจำนวนเงิน 19,937.46 ล้านบาท 

 

ทั้งนี้ สัดส่วนของจำนวนผู้ที่ได้รับการอนุมัติสินเชื่อภายใต้โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 2 มีการกระจายตัวอยู่ในช่วงวงเงิน ได้แก่ 1) ต่ำกว่า 500,000 บาท 2) 500,001 – 1,000,000 บาท และ 3) 1,000,001 – 1,500,000 บาท ร้อยละ11 47 และ 42 ตามลำดับ และอยู่ในพื้นที่กรุงเทพมหานครและปริมณฑล และจังหวัดภูมิภาค คิดเป็นร้อยละ 36 และ 64 ตามลำดับ จะเห็นได้ว่า สัดส่วนการปล่อยสินเชื่อให้กับประชาชนผู้มีรายได้น้อยส่วนใหญ่อยู่ระหว่างช่วงระดับราคาที่ 500,001 – 1,500,000 บาท และอยู่ในพื้นที่จังหวัดภูมิภาค

 

โครงการบ้านล้านหลัง ระยะที่ 3 มีวงเงินโครงการ 20,000 ล้านบาท โดย ธอส. สนับสนุนสินเชื่อให้แก่ประชาชนทั่วไปที่มีความต้องการมีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเอง ในอัตราดอกเบี้ยคงที่ร้อยละ 3 ในช่วง 5 ปีแรก วงเงินอนุมัติสูงสุดไม่เกิน 1,500,000 บาทต่อรายต่อหลักประกันและมีระยะเวลากู้ยืมสูงสุดไม่เกิน 40 ปี โดยประชาชนที่สนใจเข้าร่วมโครงการสามารถยื่นคำขอกู้กับ ธอส. ได้ตั้งแต่วันนี้ถึงวันที่ 30 ธันวาคม 2568 หรือจนกว่า ธอส. ให้สินเชื่อเต็มตามกรอบวงเงินของโครงการแล้ว 

 

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวเพิ่มเติมว่า กระทรวงการคลังได้ให้ความสำคัญและสนับสนุนให้ผู้มีรายได้น้อยได้มีที่อยู่อาศัยเป็นของตนเองในราคาที่ไม่สูงและเหมาะสมกับศักยภาพของตนเองใต้เงื่อนไขที่ผ่อนปรน ซึ่งการดำเนินโครงการดังกล่าว จะส่งผลให้เกิดการยกระดับคุณภาพชีวิตและความเป็นอยู่ของผู้เข้าร่วมโครงการให้ดีขึ้