posttoday

'พิธา' ชี้ อนาคตประเทศไทยต้อง "สร้างงาน ซ่อมประเทศ เชื่อมเศรษฐกิจโลก"

09 กุมภาพันธ์ 2566

นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลระบุว่า “โจทย์ไม่ใช่กำหนดนโยบายยังไงให้ตรงใจตลาดโลก จะมีประโยชน์อะไรถ้าธนาคารไทยเข้มแข็งอันดับต้นๆของโลก แต่คนไทยเป็นหนี้ 89% ของ GDP” พร้อมชูนโยบาย ‘สร้างงาน ซ่อมประเทศ เชื่อมเศรษฐกิจโลก’

นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ได้เข้าร่วมแสดงวิสัยทัศน์ในงานสัมมนา อนาคตประเทศไทย Economic Drive เศรษฐกิจไทยสตาร์ทอย่างไรให้ก้าวนำโลก กับหัวข้อ “Market Drives กำหนดนโยบาย ให้ตรงใจตลาดโลก” ซึ่งจัดขึ้นที่โรงแรมแกรนด์ไฮแอทเอราวัณในวันที่ 9 ก.พ. 2566

'พิธา' ชี้ อนาคตประเทศไทยต้อง "สร้างงาน ซ่อมประเทศ เชื่อมเศรษฐกิจโลก"

หัวหน้าพรรคก้าวไกล นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ กล่าวว่า

“สำหรับนักการเมือง สำหรับคนที่จะเป็นรัฐบาลต่อไป โจทย์ไม่ใช่กำหนดนโยบายยังไงให้ตรงใจตลาดโลก ที่ถูกต้องคือกำหนดนโยบายให้ตรงใจคนไทยและตลาดโลก เหตุผลที่ตีโจทย์ใหม่มีอยู่ 2 เหตุผล คือ 1. จะออกแบบนโยบายให้ตรงใจนโยบายตลาดโลก ถ้าเราทำของราคาถูก ทำของมีคุณภาพ ก็ไม่ได้ยากอะไร มีอุคสาหกรรมเหล่านี้ที่ตรงใจตลาดโลกอยู่พอสมควร”

“ตัวอย่างการส่งออกข้าวของเรามาเป็นอันดับ 1 2 3 แต่จะมีประโยชน์อะไรถ้าคนไทยที่เป็นคนจน ที่เป็นเกษตรกร 66% 2 ใน 3 ยังเป็นคนจน”

“จะมีประโยชน์อะไรถ้าการท่องเที่ยวของไทย 2 ล้านล้านบาท แต่กระจุกตัวอยู่แค่ 5 จังหวัด ที่เหลือไม่ได้ประโยชน์อะไรเลย”

“จะมีประโยชน์อะไรถ้าธนาคารไทยเข้มแข็งอันดับต้นๆของโลก แต่คนไทยเป็นหนี้ 89% ของ GDP”

ขณะที่เหตุผลข้อที่ 2 นายพิธาระบุว่า 

'พิธา' ชี้ อนาคตประเทศไทยต้อง "สร้างงาน ซ่อมประเทศ เชื่อมเศรษฐกิจโลก"

“World bank บอกเราว่า เศรษฐกิจโลกปีหน้าจะเป็นปีที่โตช้าที่สุดในรอบ 30 ปี เพราะฉะนั้นเหตุผล 2 ข้อนี้ที่เราคิดว่ารัฐบาลไทยต้องออกแบบนโยบายให้ตรงใจคนไทยด้วย และตรงใจตลาดโลกด้วย และในขณะเดียวกันการที่เราจะพึ่งส่งออกอย่างเดียว พึ่งการลงทุนอย่างเดียว พึ่งนักท่องเที่ยวอย่างเดียว ผมไม่แน่ใจว่าเป็นนโยบายที่ถูกต้องหรือไม่ และไม่แน่ใจว่าเป็นโจทย์ที่ถูกต้องหรือไม่ ถ้าเราตั้งโจทย์ผิดเมื่อไหร่ ถึงแม้ได้คำตอบที่ถูกต้อง ประเทศก็ไปผิดทิศผิดทาง”

“ทางฝั่งพรรคก้าวไกลเรามี 3 steps process ในการคิดนโยบายที่ตรงใจคนไทยและตรงใจโลกที่จะทำให้ประเทศเราตีโจทย์ให้แตกก่อนที่เราจะหลงทางไปมากกว่านี้”

"อะไรคือจุดแข็งของประเทศไทยตอนนี้ มันคือความสร้างสรรค์ มันคือ Supply Chain ระดับหนึ่ง มันคือเสถียรภาพการเงิน การคลัง"

"อะไรคือจุดอ่อนของไทย มันคือสังคมสูงวัย มันคือ Corruption มันคือรัฐรวมศูนย์ มันคือความเหลื่อมล้ำ"

"อะไรคือโอกาสของไทย คือ ภูมิรัฐศาสตร์ที่ต้องการกระจายความเสี่ยง มันคือเรื่องโอกาสปฎิรูปภาษีโลกครั้งใหม่"

'พิธา' ชี้ อนาคตประเทศไทยต้อง "สร้างงาน ซ่อมประเทศ เชื่อมเศรษฐกิจโลก"

“อะไรคือภัยคุกคามของประเทศไทย แน่นอนภาวะโลกร้อน ภูมิรัฐศาสตร์ ราคาผันผวนที่ทุกคนต้องเจอทั่วโลก”

“เราต้องหาวิธีเอาจุดแข็งและจุดอ่อนมาเป็นโอกาสให้ได้ ไม่ใช่แค่ให้สินทรัพย์เป็นรายได้แบบสมัยก่อน หนี้สิ้นก็ต้องทำให้เป็นรายได้ด้วยเหมือนกัน นี่คือข้อสำคัญของรัฐบาลยุคต่อไป”

“เราต้องกำหนด KPI ให้ชัด โตอย่างเดียวแต่เหลื่อมล้ำก็ไม่มีประโยชน์ มันต้องทั้งโตด้วยและลดความเหลื่อมล้ำไปในที่เดียวกัน ถ้าเรารู้จุดแข็ง จุดอ่อน โอกาสคืออะไร ภัยคุกคามคืออะไร นโยบายที่จะออกมาให้ตอบโจทย์คือนโยบายที่เพิ่มจุดแข็ง ลดจุดอ่อนของประเทศ ต้องเป็นนโยบายที่สามารถคว้าโอกาสใหม่ๆจากทั่วโลกมาสู่ประเทศไทยได้ และต้องเป็นนโยบายที่ป้องกันภัยคุกคามของประเทศไทย”

“ภาพใหญ่นโยบายของพรรคก้าวไกล ในการกำหนดนโยบายให้ตรงใจคนไทยด้วย ตรงใจตลาดโลกด้วย เติบโตด้วย ลดความเหลื่อมล้ำด้วย คือนโยบายที่ชื่อว่าสร้างงาน ซ่อมประเทศ เพื่อที่จะเชื่อมเศรษฐกิจโลก เราจะเปลี่ยนปัญหาในประเทศไทยที่คาราคาซังมาหลายน่าจะหลายร้อยปี การเกษตรก็ดี น้ำประปาก็ดี ขนส่งคมนาคมก็ดี ให้กลายเป็นโอกาสแห่งอนาคต”

นอกจากนี้ นาย พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล ยังเสริมตัวอย่างนโยบายให้เห็นภาพเช่น การทำให้เศรษฐกิจสร้างสรรค์ไปต่อ เปิดเสรีโซลาร์เซลล์เปลี่ยนหลังคาเป็นรายได้ เพิ่ม AI จับโกง ลดคอร์รัปชั่น การเพิ่มรถเมล์ EV สู้กับโลกร้อนอย่างเอาจริงเอาจัง กำหนดเพดานปล่อยก๊าซเรือนกระจก รวมถึงสวัสดิการในการลดความเหลื่อมล้ำ