posttoday

นิวัติไชย เปิดทรัพย์สิน ผกก.โจ้ ฟ้องยึดเป็นของแผ่นดินกว่า 1.3พันล้านบาท

14 พฤศจิกายน 2565

นิวัติไชย เลขาป.ป.ช.เปิดกรุสมบัติ ผู้กำกับโจ้ มูลค่ากว่า1.3พันล้าน มีทรัพย์สินได้มาไม่สัมพันธ์กับรายได้ ส่งอัยการสูงสุดฟ้องศาลยึดเป็นแผ่นดิน

นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. แถลงข่าวกรณีการชี้มูลความผิด พ.ต.อ.ธิติสรรค์ อุทธนผล หรือ “ผู้กำกับโจ้” เมื่อครั้งดำรงตำแหน่ง ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ คดีร่ำรวยผิดปกติ ว่า ได้มีการแต่งตั้งคณะอนุกรรมการไต่สวนขยายผลต่อเนื่องจากมูลเหตุที่มีการตั้งข้อสงสัยทำไมพ.ต.อ.ธิติสรรค์มีบ้านหลังใหญ่4 ไร่ พร้อมสระว่ายน้ำและรถหรูจำนวนมากมูลค่ากว่า 100 ล้านบาท  พบว่า มีรายการทรัพย์สิน เงินฝากธนาคาร ที่ดินพร้อมบ้านพัก รถยนต์ และเงินที่ผ่อนชำระค่าเช่าซื้อรถยนต์หลายคัน ได้มาไม่สัมพันธ์รายได้เกินกว่าฐานะ หรือรายได้จากราชการพึงมี จึงเป็นกรณี พ.ต.อ.ธิติสรรค์ ร่ำรวยผิดปกติ โดยมีทรัพย์สินมากผิดปกติหรือมีหนี้สินลดลงมากผิดปกติ หรือได้ทรัพย์สินมาไม่มีมูล โดยใช้อำนาจจากการปฏิบัติหน้าที่ จำนวน 32 รายการ รวม 1,352 ล้านบาทเศษ ได้แก่

1.เงินฝากในบัญชีธนาคาร 3 แห่ง จำนวนกว่า 1,243 ล้านบาท  

2.บ้าน 2 หลัง พร้อมที่ดินรวม 5 ไร่ มูลค่ากว่า 54 ล้านบาท

3.รถยนต์ จำนวน 15 คัน มูลค่ากว่า 6.1 ล้านบาท

4.หนี้สินจากการผ่อนชำระตามสัญญา เช่าซื้อรถยนต์ 13 คัน ที่ลคลงผิดปกติ เช่น ปอร์เช่ เบนซ์ บีเอ็มดับบลิว โฟล์คสวาเกน เฟอร์รารี เป็นต้น จำนวนกว่า 53 ล้านบาท

เนื่องจากเงินนั้นไม่สามารถพิสูจน์ทราบได้ว่า ได้มาโดยถูกกฎหมายหรือไม่ โดยมีการส่งสำนวนไปยังอัยการสูงสุด (อสส.) เพื่อส่งศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบโดยเมื่อวันที่ 11 พ.ย. 2565 ทราบว่าพนักงานอัยการ ฝ่ายคดีพิเศษ 3 สำนักงานคดีปราบปรามการทุจริต ยื่นคำร้องเรื่องดังกล่าวต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง เพื่อขอให้ศาลยึดทรัพย์ดังกล่าวตกเป็นของแผ่นดินแล้ว หากกรณีไม่สามารถบังคับเอากับทรัพย์สินที่รวยผิดปกติได้ ขอให้ศาลบังคับเอาแก่ทรัพย์สินอื่นกับผู้ถูกกล่าวหาได้ ภายในระยะเวลา 10 ปี เนื่องจากอาจมีการจำหน่ายจ่ายโอนทรัพย์สิน

นอกจากนี้ คณะกรรมการ ป.ป.ช.มีมติแจ้งผลพิจารณาถึงสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ที่เกี่ยวข้อง โดยถือว่าผู้ถูกกล่าวหากระทำการทุจริตต่อหน้าที่ด้วยตาม พ.ร.ป.ป.ป.ช. ด้วย

ส่วนกรณีการเบิกจ่ายเงินสินบนนำจับจากกรมศุลกากร ในการจับรถยนต์หรูที่ลักลอกนำเข้าไทย ปรากฏว่า พ.ต.อ.ธิติสวรรค์ โดยปรากฏชื่อเป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่นั้น ป.ป.ช.ดำเนินการรับเรื่องไว้ตรวจสอบข้อเท็จจริงเบื้องต้นแล้วว่า เป็นการจับกุม

ส่วนการเบิกจ่ายสินบนนับจับจากกรมศุลกากร ในการจับรถยนต์ลักลอบนำเข้าไทย ปรากฏว่า พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เป็นผู้ปฏิบัติหน้าที่ รับเรื่องไว้ไต่สวนข้อเท็จจริงเบื้องต้นอีกกรณีว่า เป็นการจับกุมโดยชอบหรือไม่ มีการแจ้งเพื่อขอรับเงินรางวัลโดยชอบหรือไม่ ดังนั้นจะมีคดีทางอาญาอีกเรื่องคือ กรณีกระทำผิดต่อการปฏิบัติหน้าที่ โดย ป.ป.ช. ดำเนินการอยู่

สำหรับข้อกล่าวหาว่ากระทำความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ กรณีจับรถหรูเพื่อแลกกับสินบนนำจับนั้น ขณะนี้อยู่ในชั้นตรวจสอบข้อเท็จจริง ป.ป.ช.ยังไม่ได้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน ขณะนี้มีมูลว่าทำไมจึงมีการไปจับรถหรูได้กว่า 400 คันในหลายคดี แล้วจับเสร็จก็นำส่งกรมศุลกากร จากนั้นกรมศุลกากรนำออกมาประมูลขาย จึงต้องไปต่อยอดว่าเป็นการดำเนินคดีโดยชอบหรือไม่ หรือมีการวางแผนร่วมกันทำเป็นขบวนการในการนำเข้ารถหรูแล้วจับกุมเพื่อหวังผลจากเงินเปอร์เซ็นต์ หรือเงินสินบนรางวัลนำจับ 

ในชั้นแสวงหาข้อเท็จจริงจะต้องคลี่คลายรายละเอียดให้ได้มากที่สุด เนื่องจากเรื่องนี้เกิดขึ้นมานานแล้วตั้งแต่ปี 2553 ต้องย้อนกลับไปดูเอกสารที่กรมศุลกากร เพราะสิ่งที่สำคัญที่สุดคือ พยานที่เป็นเอกสารหลักฐาน จากนั้นจะต้องมาคลี่ในรายละเอียดว่าใครเป็นผู้จับกุม จับแล้วนำส่งใครที่เป็นเจ้าหน้าที่กรมศุลกากร ใครเป็นผู้ประเมินราคา เสร็จแล้วมีการนำมาขาย และขายให้ใคร อย่างไร ต้องตามให้ได้ว่าการจับนั้นจับได้อย่างไร โดยทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร.) ได้ประสานงานกับทางตำรวจของมาเลเซียอย่างใกล้ชิดเพื่อที่จะขอดูว่าเจ้าของรถที่เป็นชาวมาเลเซีย เนื่องจากเขามีประกัน มีการติดตาม หรือมีการแจ้งหายที่มาเลเซียหรือไม่ ดังนั้น จะต้องมีข้อมูลเชื่อมโยงกัน และอาศัยความร่วมมือระหว่างประเทศ 

"เรื่องนี้ยอมรับว่ามีความยุ่งยากมาก เพราะรถ 400 กว่าคันไม่ใช่เรื่องง่าย แค่จะแกะรอยให้ได้คันเดียวก็ยากแล้ว จึงต้องให้เวลาเจ้าหน้าที่ อีกอย่างที่สำคัญคือ เป็นเรื่องที่ย้อนหลังไปหลายปี ไม่รู้ว่าเอกสารหลักฐานเก็บไว้อย่างไร แต่ถ้าเป็นเรื่องใหม่ๆ สดๆ ก็สามารถรวบรวมพยานหลักฐานได้อย่างรวดเร็ว สามารถไปขอจากกรมศุลกากรได้ เพราะเขามีหมด ดังนั้น ขอความเห็นใจให้เจ้าหน้าที่ผู้ทำงานด้วย"นายนิวัติไชยกล่าว 
 
ทั้งนี้ นอกจาก พ.ต.อ.ธิติสรรค์ เกี่ยวพันกับเจ้าหน้าที่รัฐอื่นด้วยหรือไม่ นายนิวัติไชย กล่าวว่ายังไม่มีข้อมูลว่าเกี่ยวข้องกับเจ้าหน้าที่รัฐหน่วยใดบ้าง 
ขณะนี้พบเพียง พ.ต.อ.ธิติสรรค์คนเดียวเป็นหลักก่อน