ทวายโปรเจกต์ ยุทธศาสตร์ การค้าโลก (จบ)
โดย...พิชญ์สินี ฐิติสมบูรณ์
โดย...พิชญ์สินี ฐิติสมบูรณ์
ทวายเมกะโปรเจกต์เป็นตัวผลักดันประเทศไทยมีบทบาทโดดเด่นในเวทีอาเซียน แต่ประเด็นท้าทายที่ต้องเผชิญคือเรื่องศักยภาพผู้ประกอบการและการพัฒนา Soft Infrastructure ของทุกประเทศในภูมิภาค
ประเด็นท้าทายต่อผู้ประกอบการไทย คือ ความเร็วและความสามารถในการพัฒนาขีดความสามารถในการแข่งขันว่าจะพัฒนาไปได้มากน้อยแค่ไหนเมื่อเทียบกับโครงสร้างพื้นฐานมูลค่ามหาศาลที่รัฐลงทุนไป
โดยผู้ประกอบการจำเป็นต้องเร่งพัฒนาศักยภาพตัวเองเพื่อรับมือกับการแข่งขันที่เพิ่มสูงขึ้นจากนานาชาติ ไม่ว่าจะเป็นจากสิงคโปร์ จีน ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ และมาเลเซีย ซึ่งได้เปรียบไทยในเรื่องระบบการจัดการด้วยเทคโนโลยีระดับสูง และความพร้อมทั้งในด้านเทคโนโลยีและแหล่งเงินทุน รวมถึงการแข่งขันของสินค้าในภูมิภาคนี้ที่จะเปิดเสรีมากยิ่งขึ้นตามลำดับ ส่งผลให้ขีดความสามารถในการแข่งขันบนสินค้าพื้นฐานของผู้ประกอบการไทยลดลง
ดังนั้น ผู้ประกอบการไทยควรสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับสินค้าและบริการ โดยอาจพัฒนาจากพื้นฐานเดิม เช่น ในส่วนของภาคบริการ สามารถนำเทคโนโลยีต่างๆ มาปรับใช้กับระบบการขนส่งวางระบบออนไลน์กับโกดังสินค้าให้เชื่อมต่อกันทั้งภูมิภาค ในส่วนของผลิตภัณฑ์สามารถเพิ่มมูลค่าจากสินค้าพื้นฐาน หรือเน้นสร้างภาพลักษณ์ให้ทันสมัย เช่น ปรับปรุงกล้วยตากพื้นบ้าน ให้เป็นกล้วยอบพลังงานแสงอาทิตย์รสชาติต่างๆ ในบรรจุภัณฑ์ดีไซน์สวยงาม
ปัจจุบันต้องยอมรับว่ายังมีอุปสรรคจากSoft Infrastructure ทั้งในเรื่องของความตกลงกฎระเบียบ ความซับซ้อนของการดำเนินการต่างๆ และอุปสรรคทางการเงิน ซึ่งผู้ประกอบการไทยรวมถึงภาครัฐควรร่วมมือกันปิดช่องโหว่ของจุดอ่อนและสร้างจุดแข็ง
ทั้งนี้ มีประเด็นเร่งด่วนที่ควรให้ความสนใจ ได้แก่ 1) การผลักดันความตกลงกับประเทศต่างๆ ให้ลุล่วง เนื่องจากไทยยังไม่มีความตกลงว่าด้วยการขนส่งสินค้าข้ามพรมแดนในอนุภูมิภาคลุ่มแม่น้ำโขงครอบคลุมประเทศสมาชิกทั้ง 6 ประเทศ ปัจจุบันมีเพียงบันทึกความเข้าใจ IICBTA (Initial Implementation of Cross-Border Transport Facilitation Agreement) กับ สปป.ลาว กัมพูชา และอยู่ระหว่างดำเนินการสำหรับเมียนมา จึงทำให้ไทยไม่สามารถใช้รถบรรทุกขนส่งสินค้าข้ามแดนในเส้นทางที่มีศักยภาพ เช่น แม่สอด-เมียวดี ไทย-จีนตอนใต้ ไทย-เวียดนามได้
2) อุปสรรคจากการดำเนินงานของด่านศุลกากรประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ เวลาเปิดด่านที่ช้ากว่าด่านไทย ทำให้รถบรรทุกต้องจ่อรอกันอยู่บริเวณฝั่งไทยและอาจก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายแอบแฝง
3) อุปสรรคเรื่องความแตกต่างของกฎหมายในแต่ละประเทศ อาทิ พิกัดขนาดรถบรรทุกของกัมพูชา สปป.ลาว และเวียดนาม ที่เล็กกว่าของไทย จึงต้องมีการเปลี่ยนถ่ายสินค้าไปมาทำให้เสียเวลาและค่าใช้จ่ายที่ไม่จำเป็น
4) อุปสรรคจากสภาพโครงสร้างพื้นฐานทางถนนของประเทศเพื่อนบ้าน อาทิ การขนส่งบนเส้นทาง R9 ใน สปป.ลาว บางตอนมีลักษณะเป็นหลุมเป็นบ่อและมีความคดเคี้ยว ทำให้การขนส่งไม่มีประสิทธิภาพเท่าที่ควร และก่อให้เกิดค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมจากการพักรถและบำรุงรักษารถ
และ 5) ภาครัฐต้องเร่งเข้าไปสนับสนุนช่วยเหลือผู้ประกอบการไทยที่มีความพร้อมแต่ยังขาดเงินทุนให้ได้มากที่สุด และผลักดันเพื่อคว้าโอกาสที่จะเกิดขึ้นอีกไม่กี่ปีข้างหน้า
กลุ่มผู้ประกอบการสินค้าอุตสาหกรรมและเกษตรอุตสาหกรรม กลุ่มธุรกิจขนส่งและธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ศูนย์กระจายสินค้า โกดังเก็บสินค้า เป็นต้น เป็นธุรกิจที่สามารถเริ่มวางแผนและดำเนินการเตรียมความพร้อมรับโอกาสได้ทันที ไม่ว่าจะเป็น การพัฒนาสินค้าโดยการสร้างมูลค่าเพิ่ม การหาพันธมิตรขนส่งในประเทศเพื่อนบ้าน ซึ่งจะทำให้ผู้ประกอบการได้เปรียบกว่าคู่แข่งในประเทศนั้นๆ การควบรวมกิจการทั้งแนวดิ่ง (Vertical Integration) และแนวนอน (Horizontal Integration) การวางระบบและการจัดการโดยเทคโนโลยีสารสนเทศที่เป็นสากล
นอกจากนี้ ผู้ประกอบการควรพัฒนาธุรกิจไปสู่การเป็นผู้ให้บริการโลจิสติกส์แบบครบวงจรที่ครอบคลุมกิจกรรมอื่นๆ ที่มีการสร้างมูลค่าเพิ่ม (Value-added services) เช่น การบรรจุสินค้าในบรรจุภัณฑ์ใหม่ การบรรจุสินค้าหลากหลายประเภทในกล่องเดียวกันเพื่อส่งเสริมการขายและตอบสนองความต้องการของลูกค้า
ธุรกิจบริการอื่นๆ (Service Clusters) ควรติดตามการเปลี่ยนแปลงของสายธุรกิจนั้นๆ ในภูมิภาคและพัฒนา Soft Skills ควบคู่กันไป


