posttoday

นวัตกรรมสู้น้ำท่วม"กระสอบทรายพองตัว-จ่าเฉยวัดระดับ"

17 มีนาคม 2555

เหลืออีก 3 เดือน ก่อนเข้าฤดูน้ำหลาก ที่แม้หลายเสียงจากนักวิชาการจะประเมินออกมาตรงกันว่าในปีนี้โอกาสที่น้ำจะท่วมมีไม่มากเท่าโอกาสที่น้ำจะแล้ง

โดย...สุภชาติ เล็บนาค

เหลืออีก 3 เดือน ก่อนเข้าฤดูน้ำหลาก ที่แม้หลายเสียงจากนักวิชาการจะประเมินออกมาตรงกันว่าในปีนี้โอกาสที่น้ำจะท่วมมีไม่มากเท่าโอกาสที่น้ำจะแล้ง แต่ผลลัพธ์จากมหาอุทกภัยปีที่ผ่านมา ก็ทำให้หลายฝ่ายยังคงเตรียมพร้อมรับมือน้ำท่วม

สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) เป็นหนึ่งในหน่วยงานที่กระโดดเข้ามามีส่วนร่วมเพื่อพัฒนานวัตกรรม ล่าสุดในงานถอดบทเรียนและนำเสนอผลงานวิจัย “รู้สู้พิบัติภัย ไปกับวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี” ซึ่งจัดขึ้นที่อุทยานวิทยาศาสตร์ประเทศไทย จ.ปทุมธานี

ปลอดประสพ สุรัสวดี รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ระบุว่า หากอ้างอิงจากแบบจำลองทางคณิตศาสตร์ที่ได้เดินทางไปดูจากประเทศเดนมาร์กและเนเธอร์แลนด์ ในปีนี้มีโอกาสที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหาน้ำท่วมมีแค่ 1% แต่กระนั้นเอง โอกาสแค่ 1% ก็อาจเกิดขึ้นได้

ดังนั้น การเตรียมความพร้อม ต้องไม่เพียงแต่ใช้ในปีนี้ แต่จำเป็นต้องเตรียมความพร้อมในระยะยาวถึงอนาคตอีก 1020 ปี ข้างหน้า ฉะนั้นแนวคิดหลักของการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ของ สวทช.ในปีนี้คือความยั่งยืน เพื่อหลีกเลี่ยงสภาวะการจลาจลอย่างที่แล้วมา

“ปีที่แล้วเราเจอปัญหาคนโดนไฟชอร์ตเสียชีวิตจำนวนมาก ซึ่งที่เสียชีวิตจำนวนมากนั้น เกือบครึ่งหนึ่งมาจากเครื่องสูบน้ำไดโว ทาง สวทช.เขาก็ไปคิดค้นมาว่า ทำอย่างไรให้ไดโวมีวงจรตัดไฟก่อนที่ไฟฟ้าจะชอร์ต พอยุงชุกชุมตามแหล่งน้ำ ไข้เลือดออกระบาด เราก็คิดสารกันยุง

นวัตกรรมสู้น้ำท่วม"กระสอบทรายพองตัว-จ่าเฉยวัดระดับ"

 

“หรืออย่างปัญหาเรื่องกระสอบทรายที่เราหาซื้อกันไม่ได้ และมีราคาแพงมาก สวทช.เขาก็คิดกระสอบโพลีเมอร์ ที่เพียงแค่แช่น้ำมันก็พอง ซึ่งถุงนี้ทำขึ้นจากผ้าใยสังเคราะห์ธรรมดา เคลือบด้วยน้ำยานาโนที่มีคุณสมบัติกันน้ำและอุ้มน้ำได้ โดยด้านในบรรจุไฮโดรเจล ซึ่งเป็นสารนาโนที่มีคุณสมบัติเมื่อโดนน้ำจะพองตัวขึ้น 100 เท่า

“ถุงขนาดปกติหนัก 100 กรัม เมื่อพองเต็มที่จะหนัก 10 กิโลกรัม เทียบเท่าถุงทรายและใช้กั้นน้ำได้”

ทันทีที่สาธยายจบ ปลอดประสพ โยนถุงผ้าบางๆ ลงไปในแอ่งน้ำที่จัดเตรียมไว้ เพื่อโชว์ความสามารถของถุงโพลีเมอร์ หรือถุงเอ็นแซค ที่จะดูดซับน้ำเข้าไป หลังจากแช่น้ำได้ราว 2030 นาที และจะคงรูปอยู่อย่างนั้นด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันเมื่อใช้เสร็จแล้วก็นำกลับมาใช้ได้ใหม่อีก ทำให้ไม่ต้องยุ่งยากกับการหากระสอบทรายอย่างในอดีต

“หน้าตาเหมือนกระสอบ ทรายทั่วไป ชนิดที่แยกกันไม่ออก ซึ่งถุงเอ็นแซคเหล่านี้ สวทช.ได้ผลิตต้นแบบออกมาแล้วจำนวนหนึ่ง และอยู่ระหว่างรอให้ภาคเอกชนหยิบจับความคิดเหล่านี้ไปผลิตขายจริง มั่นใจว่าทันหน้าน้ำครั้งนี้แน่นอน” รมว.วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี ยืนยัน

นอกจากนี้ ภายในงาน ยังพบกับ “จ่าเฉย” ยืนเฉยเด่นเป็นสง่า ทว่าจ่าเฉยที่ยืนอยู่ในที่แห่งนี้ ไม่ใช่จ่าเฉยธรรมดาๆ

“จ่าเฉย” ที่เคยเฉยอย่างชื่อได้พัฒนาขึ้นด้วยการที่ติดตั้งกล้องวิดีโอตรวจจับความเร็ว และสามารถบันทึกภาพป้ายทะเบียนรถได้ โดยจะพบเห็นจ่าเฉยเหล่านี้ปฏิบัติหน้าที่อยู่สี่แยกทั่วกรุงเทพมหานคร (กทม.)

ล่าสุด “จ่าเฉย” ถูกยกระดับให้เป็น “จ่าเฉยไฮเทค” ข้างเอวของจ่าเฉยได้รับการติดตั้งไฟฉายวัดระดับน้ำท่วมด้วย

นวัตกรรมสู้น้ำท่วม"กระสอบทรายพองตัว-จ่าเฉยวัดระดับ"

 

มงคล เอกปัญญาพงศ์ นักวิจัยประจำสถาบันเทคโนโลยีแห่งเอเชีย เล่าว่า เป็นแนวคิดต่อยอดจ่าเฉยซึ่งนอกเหนือจากการช่วยเหลือเจ้าหน้าที่ตำรวจจัดทำข้อมูลการทำผิดกฎจราจรแล้ว ยังสามารถช่วยเหลือประชาชนให้ทราบถึงข้อมูลระดับน้ำขังในแต่ละถนน สี่แยกไฟแดง รวมถึงชุมชนต่างๆ

มงคล เล่าอีกว่า ต้นทุนจ่าเฉยไฮเทคนี้ ตกตัวละประมาณ 1.5 แสนบาท ซึ่งเวลานี้มีบริษัทเอกชนจัดซื้อไปทำเป็นโครงการซีเอสอาร์แล้ว 10 ตัว โดยจะใช้เวลาทดสอบอีกประมาณ 23 เดือน ก่อนจะเริ่มติดตั้งในหลายจุดทั่ว กทม.

อีกหนึ่งสิ่งประดิษฐ์ที่ล้ำสมัย คือเครื่องถ่ายทอดข้อความสำหรับคนหูหนวกกรณีฉุกเฉิน ซึ่งเป็นโครงการนำร่องของศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารแห่งประเทศไทย คณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) ซึ่งเป็นศูนย์กลางการให้บริการสำหรับคนหูหนวกที่ติดอยู่ในพื้นที่น้ำท่วม

วันทนีย์ พันธชาติ ที่ปรึกษาศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารแห่งประเทศไทย บอกว่า ศูนย์ได้เริ่มต้นโครงการผ่านเว็บไวต์ http://www. ttrs.or.th ตั้งแต่ช่วงมหาอุทกภัยที่ผ่านมา โดยมีผู้ใช้บริการกว่า 400 ครั้ง และมีล่ามภาษามือทั้งหมด 8 คน โดยคนหูหนวกสามารถเข้ามาในเว็บไซต์ และสื่อสารผ่านเว็บแคมส่วนตัวไปยังล่าม เพื่อขอความช่วยเหลือ โดยล่ามจะส่งต่อความต้องการดังกล่าวไปยังเจ้าหน้าที่ หรืออาสาสมัครภายในพื้นที่อีกครั้ง

หลังจากเหตุการณ์มหาอุทกภัย ก็ยังมีคนใช้บริการตามปกติ ถึงวันละ 30-40 ครั้ง โดยจะใช้บริการให้ล่ามช่วยโทร.หาครอบครัวบ้าง หรือใช้บริการในชีวิตประจำวันตามปกติ โดยไม่มีค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น

ทั้งนี้ ไม่ได้ให้บริการผ่านเว็บไซต์อย่างเดียว แต่ยังมีตู้ให้บริการติดตั้งตามโรงเรียนคนหูหนวกทั่วประเทศ รวมถึงสถานที่สาธารณะ อาทิ โรงพยาบาลศิริราช สถานีขนส่งหมอชิต และ สน.ทุ่งมหาเมฆ สน.คลองตัน

หลังจากนี้ จะมีการขยายตู้ให้บริการให้ครอบคลุมคนหูหนวกมากขึ้น และพัฒนาเว็บไซต์ให้มีล่ามพอสำหรับความต้องการ โดยต้องอาศัยความช่วยเหลือจากหน่วยงานภายนอก และเอกชนในการซื้อเครื่องดังกล่าวไปติดตั้งให้ครอบคลุมมากขึ้น

ทวีศักดิ์ กออนันตกูล ผู้อำนวยการ สวทช. กล่าวว่า การผลิตนวัตกรรมเหล่านี้จะไม่ได้เป็นแค่งานวิจัยในห้องทดลองเพียงอย่างเดียว แต่จะเป็นสินค้าสำหรับนำไปผลิตและจำหน่ายจริงในอนาคต

สำหรับงานที่จะจัดขึ้นระหว่างวันที่ 24-28 มี.ค.นี้ ยังมีแบบจำลองการเปลี่ยนแปลงชายฝั่งของอ่าวไทย ซึ่งอาจส่งผลต่อการเกิดน้ำท่วม บ้านลอยน้ำ ศูนย์บริการถ่ายทอดการสื่อสารสำหรับผู้บกพร่องทางการได้ยิน และผู้บกพร่องทางการพูด แอพพลิเคชัน “Flood Sign”

เครื่องมือในการช่วยเก็บข้อมูลระดับน้ำท่วมสูงสุดในปี 2554 ผ่านมือถือ นวัตกรรมเอ็นค่า ช่วยแก้ปัญหาน้ำท่วมขังและเน่าเสียให้กลายเป็นน้ำดี

นอกจากนี้ ยังมีผลงานวิจัยที่พร้อมให้ผู้ประกอบการธุรกิจที่สนใจนำไปต่อยอดเชิงพาณิชย์ อาทิ ระบบผลิตไบโอดีเซล เจลรักษาแผลยับยั้งแบคทีเรีย และกระตุ้นการหายของแผล สารเคลือบผิวผลไม้จากไขรำข้าว และโปรแกรมบันทึกข้อมูลสุขภาพครอบครัวแบบพกพา

นับเป็นงานที่น่าสนใจยิ่ง ผู้ที่เผชิญกับฝันร้ายในปีที่ผ่านมา ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง

ข่าวล่าสุด

บอร์ดเคาะแล้ว “ทรงพล” MD ออมสินคนใหม่ รอชัดอำนาจรักษาการเซ็นได้หรือไม่