หอการค้าเหนือ-อีสาน เร่งรัฐบาลใหม่พัฒนารถไฟรางคู่
ไม่เพียงแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
ไม่เพียงแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย
โดย...ทีมข่าวภูมิภาค
ไม่เพียงแต่ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ว่าที่นายกรัฐมนตรี จะเรียกประชุมทีมเศรษฐกิจพรรคเพื่อไทย เพื่อขับเคลื่อนนโยบายเศรษฐกิจตามที่ได้หาเสียงไว้ แต่สำหรับกลุ่มธุรกิจในภูมิภาค ก็คาดหวังว่ารัฐบาลใหม่จะเข้ามาผลักดันขับเคลื่อนโครงการสาธารณูปโภคขนาดใหญ่ เพื่อกระตุ้นและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจ
ทวีศักดิ์ ปึงวงศานุรักษ์ ประธานหอการค้าจังหวัดอุตรดิตถ์ กล่าวว่า หอการค้า 13 จังหวัดภาคเหนือ ได้เตรียมเสนอโครงการก่อสร้างรถไฟฟ้าความเร็วสูงให้กับรัฐบาลใหม่ โดยเริ่มต้นโครงการจากกรุงเทพฯ-เด่นชัย แยกขวาไป จ.พะเยา เชียงราย และแยกขวาไป จ.ลำปาง ลำพูน เชียงใหม่
“โครงการนี้จะไม่พัฒนาจากการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) ที่มีอยู่แล้ว เพราะติดขัดที่อิทธิพลภายใน ร.ฟ.ท. โดยเฉพาะสหภาพแรงงาน ร.ฟ.ท. แต่การลงทุนจะเป็นภาคเอกชนต่างประเทศ ไม่ว่าจะเป็นจีน ญี่ปุ่น และเยอรมนี ที่มีความสนใจอยู่แล้ว เพียงแต่รัฐบาลไทยจะต้องนำเข้าสู่โครงการพัฒนาประเทศรูปแบบเมกะโปรเจกต์ เพราะโครงการนี้มีความเป็นไปได้สูง เพื่อรองรับการเจริญเติบโตของประเทศ หากโครงการนี้สำเร็จประเทศจีนก็จะเชื่อมต่อกับประเทศไทยด้วย” ทวีศักดิ์ กล่าว
ขณะที่การพัฒนาพื้นที่ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จักริน เชิดฉาย ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ก็เชื่อมั่นว่า การพัฒนาระบบรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระขอนแก่น ซึ่งคนอีสานเรียกร้องกันมานาน ก็น่าจะเห็นเป็นรูปเป็นร่างได้ในรัฐบาลนี้
“พรรคเพื่อไทยมีนโยบายพัฒนาระบบการขนส่ง ที่เคยหาเสียงไว้ในการพัฒนาระบบขนส่งสินค้าและขนส่งมวลชน โดยสร้างโครงการรถไฟรางคู่ ระบบโลจิสติกส์ เชื่อมโยงภูมิภาคเชียงใหม่ ระยอง นครราชสีมา หัวหิน ดังนั้นจึงเชื่อว่าโครงการพัฒนาระบบรถไฟรางคู่จะเกิดขึ้นอย่างเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้”
ประธานหอการค้าเมืองโคราช เชื่อมั่นว่า โครงการดังกล่าวจะช่วยลดระยะเวลาการเดินทาง ไม่ต้องเสียเวลาในการรอหลีกขบวน สามารถรองรับการขนส่งผู้โดยสารและสินค้าเพิ่มมากขึ้น ซึ่งเป็นผลดีต่อประชาชนและเศรษฐกิจของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
นอกจากนี้ ระบบรถไฟรางคู่จะช่วยให้การขนส่งสินค้าไปยังท่าเรือน้ำลึกแหลมฉบัง จ.ชลบุรี เพื่อการส่งออกได้สะดวก สามารถลดรายจ่ายที่จะต้องเสียไปกับการขนส่งระบบเดิมอย่างน้อย 5% แต่หากจะให้การขนส่งระบบรถไฟรางคู่มีประสิทธิภาพสูงสุด ควรจะพัฒนาไปถึง จ.หนองคาย เชื่อมโยงกับการขนส่งระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ สำนักงานนโยบายและแผนการขนส่งและจราจร (สนข.) ได้ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบระบบรถไฟรางคู่ เพื่อการขนส่งและโลจิสติกส์ ตามโครงสร้างพื้นฐานของการรถไฟแห่งประเทศไทยระยะเร่งด่วน พ.ศ. 2553-2557 รวมถึงการพัฒนารถไฟทางคู่ระยะเร่งด่วน 873 กม. ใน 6 เส้นทาง ภายใต้กรอบวงเงิน 176,808 ล้านบาท ประกอบด้วย เส้นทางที่ 1ฉะเชิงเทราคลองสิบเก้าแก่งคอย ระยะทาง 106 กม.
เส้นทางที่ 2 ลพบุรี-ปากน้ำโพ 118 กม. เส้นทางที่ 3 มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ นครราชสีมา ทาง 132 กม. เส้นทางที่ 4 ชุมทางถนนจิระ นครราชสีมา-ขอนแก่น 185 กม. เส้นทางที่ 5 นครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน 165 กม. และเส้นทางที่ 6 ประจวบคีรีขันธ์-ชุมพร 167 กม.
ขณะนี้ศึกษาความเหมาะสมและออกแบบการก่อสร้างแล้วเสร็จไปแล้วรวม 3 เส้นทาง คือ ลพบุรี-ปากน้ำโพ ระยะทาง 118 กม. มาบกะเบา-ชุมทางถนนจิระ นครราชสีมา ระยะทาง 132 กม. และนครปฐม-ชุมทางหนองปลาดุก-หัวหิน ระยะทาง 165 กม. อีก 3 เส้นทางที่เหลืออยู่ระหว่างการจัดสรรงบประมาณเพื่อออกแบบราย
สำหรับโครงการระบบรถไฟทางคู่ช่วงชุมทางถนนจิระ-ขอนแก่น มีระยะทาง 185 กม. ผ่านพื้นที่ 2 จังหวัด รวม 10 อำเภอ คือ จ.นครราชสีมา (ช่วง อ.เมือง โนนสูง คง บัวใหญ่ และบัวลาย) จ.ขอนแก่น (ช่วง อ.พล โนนศิลา บ้านไผ่บ้านแฮด และเมือง) คาดว่าจะเปิดให้บริการได้ภายในปี 2558 นี้


