posttoday

ต่างชาติไม่ละสายตา ยิ่งลักษณ์ จับตาถอดรหัส นิรโทษกรรม

06 กรกฎาคม 2554

แม้ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะก้าวขึ้นมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่ามกลางเสียงตอบรับอย่างคึกคักของตลาดทุนและนักลงทุนต่างชาติ

แม้ว่า ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร จะก้าวขึ้นมาเป็นว่าที่นายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทย ท่ามกลางเสียงตอบรับอย่างคึกคักของตลาดทุนและนักลงทุนต่างชาติ

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

แต่สื่อนอกประเทศยังคงจับตาสถานการณ์การฟอร์มคณะรัฐบาลและอิทธิพลของ พ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ต่อรัฐบาลร่วมที่นำโดยพรรคเพื่อไทย

แม้จะมีเสียงข้างมากจนล้นเหลือในสภาพ แต่ต่างชาติยังมองด้วยสายตากังวลอยู่ดี เพราะฟื้นฐานทางการเมืองไทยยังมิได้มั่นคงขึ้นเพราะชัยชนะของคนในตระกูลชินวัตร ตรงกันข้ามรอยร้าวในไทยอาจยิ่งขยายวงกว้าง ความขัดแย้งระหว่างกลุ่มต่างๆ อาจทวีความดุเดือด หากรัฐบาลใหม่แตะต้องประเด็นเปราะบาง โดยเฉพาะอย่างยิ่ง “กระบวนการนิรโทษกรรม”

ไม่แต่สื่อต่างชาติเท่านั้น แม้แต่คนไทยเองยังรู้สึกอิหลักอิเหลื่อกับคำ “นิรโทษกรรม” เพราะคำคำนี้เป็นได้ทั้งการประสานความแตกแยกภายในประเทศ แต่ยังสามารถเป็นชนวนของความโกลาหลภายในได้เช่นกัน

เกือบทุกพาดหัวข่าวและเกือบทุกความเห็นของสื่อต่างชาติ แสดงความกังขาอย่างเห็นได้ชัดต่อชัยชนะอย่างถล่มทลายของพรรคเพื่อไทย หากไม่ปรากฏสัญลักษณ์ปรัศนี (?) ในบทความหรือรายงานข่าวก็มักตั้งสมมติฐานถึงความขัดแย้งอย่างตรงไปตรงมา โดยขึ้นอยู่กับตัวแปรไม่กี่ตัว นั่นคือ การนิรโทษกรรม ทักษิณ กองทัพ และปัจจัยแทรกแซงอื่นๆ ซึ่งกระทั่งสื่อนอกยังไม่ทราบว่าเป็นอะไรกันแน่?

เฉพาะเรื่องนิรโทษกรรมก็ทำเอาสับสนไปทั้งโลก ด้วยคำถามพื้นๆ ที่สุด หากนิรโทษกรรมแล้วจะครอบคลุมใครบ้าง เฉพาะทักษิณ? หรือรวมเอารัฐบาลที่แล้ว? หรือกระทั่งเหมารวม คมช.? เพราะการนิรโทษกรรมฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง หรือกระทั่งเหมาโหล ย่อมจะถูกต่อต้านทั้งขึ้นทั้งล่องอยู่ดี

นักลงทุนกล่าวผ่านสำนักข่าว Bloomberg ว่า ภัยเสี่ยงที่ร้ายแรงที่สุดในไทยจะเกิดขึ้นหากพรรคที่กุมเสียงข้างมากอ้างคะแนนเสียงล้นหลามของประชาชน แล้วเดินพลิกผันทุกอย่างในประเทศกลับคืนสู่ยุคก่อนการยึดอำนาจโดย คมช. หากทำเช่นนั้น เท่ากับเป็นการจุดชนวนความไม่พอใจระลอกใหม่จากกลุ่มเดิมๆ

เฉพาะพาดหัวรายงานของสำนักข่าวนี้ชัดเจนอย่างยิ่ง Thailand Calm May Rely on Delaying Thaksin’s Return to Appease Military หมายความว่า “ความสงบของไทยอาจขึ้นอยู่กับการยื้อเวลากลับประเทศของทักษิณเพื่อเอาใจกองทัพ”

นักวิเคราะห์ด้านรัฐศาสตร์เห็นไปในทิศทางเดียวกัน

“ยังมีบางส่วนที่ยังคงไม่พอใจทักษิณ หากมีความพยายามเพื่อดึงทักษิณกลับมา จะถูกมองว่าเป็นการล้างความผิดให้ทักษิณ และจะลุกขึ้นต่อต้านรัฐบาลอีกครั้ง” เควิน ฮิววิสัน ศาสตราจารย์ด้านเอเชียศึกษาจากมหาวิทยาลัยนอร์ท แคโรไลนา กล่าว กับสำนักข่าว Bloomberg

ต่างชาติไม่ละสายตา ยิ่งลักษณ์ จับตาถอดรหัส นิรโทษกรรม

ส่วนบทความของหนังสือพิมพ์ Financial Times แสดงความเห็นว่ายิ่งลักษณ์กำลังเผชิญกับความลักลั่นระหว่างเอาใจประชาชนที่เทคะแนนเสียงให้กับเลี่ยงความไม่พอใจของกลุ่มอำนาจเดิมที่ไม่พอใจโคลนนิงชื่อยิ่งลักษณ์ (รวมถึงโคลนนิงรายอื่นๆ) กับผู้สนับสนุนทักษิณเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว

นิรโทษกรรมอาจเป็นความพอใจของประชาชนส่วนหนึ่ง แต่ก็นับเป็นตัวเร่งความไม่พอใจได้อย่างดีสำหรับประชาชนอีกส่วนหนึ่ง

จริงอยู่ที่ทั้งสื่อในและสื่อนอกเล็งเห็นถึงอิทธิพลของ พ.ต.ท.ทักษิณ ที่วนเวียนรอบๆ ยิ่งลักษณ์และพลพรรคทางการเมืองราวกับเงายังหลอกหลอนฝ่ายตรงข้าม แต่แท้จริงแล้วปัญหาหลังจากนี้ของไทย คือทัศนะที่ไม่ลงรอยกันระหว่างฐานเสียงของสองพรรคการเมืองใหญ่

ทัศนะที่ไม่ลงรอยกันทางการเมืองเป็นผลสะท้อนมาจากช่องว่างทางเศรษฐกิจระหว่างชนชั้นกลางในเมืองและประชาชนส่วนใหญ่ในประเทศที่อยู่นอกเขตเมือง

คีธ เลิฟฟอาร์ด นักวิเคราะห์จากบริษัทที่ปรึกษา Concord Consulting กล่าวในบทความของนิตยสาร The Diplomat ว่า “ระดับของชัยชนะ (ของเพื่อไทย) ถึงขั้นทำให้เกิดกระแสในด้านบวกในทำนองที่ว่า กลุ่มที่เคยสั่นคลอนเสถียรภาพในประเทศอาจจะไม่มีที่ยืนอีกต่อไป อย่างไรก็ตาม ชัยชนะเลือกตั้งเป็นเรื่องหนึ่ง ส่วนการบริหารประเทศเพื่อสร้างความพึงพอใจให้กับทุกภาคส่วนของสังคมเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ต้องจับตาดูว่ายิ่งลักษณ์จะประสบความสำเร็จในการเชื่อมประสานช่องว่างระหว่างกลุ่มชนชั้นนำในเมืองกับประชาชนส่วนใหญ่ได้หรือไม่”

ทัศนะนี้สะท้อนความจริงในไทยอย่างถึงแก่นและเป็นที่รู้กันดีแก่ใจ แม้แต่คณะกรรมการปฏิรูป (คปร.) ยังสรุปหลังจากทำงานมาถึง 10 เดือน ว่า ความโกลาหลในในไทยมีมูลเหตุมาจาก “ปัญหาความเหลื่อมล้ำในสังคม 5 ด้าน ได้แก่ รายได้ สิทธิ โอกาส อำนาจ ศักดิ์ศรี” จากคำยืนยันของณรงค์ เพ็ชรประเสริฐ หนึ่งในกรรมการ คปร.

แต่เอาเข้าจริง ความเหลื่อมล้ำในสังคมยังเกี่ยวกับทัศนะระหว่างประชาชนกลุ่มต่างๆ ด้วย

แต่เรื่องความเห็นหรือทัศนะเป็นเรื่องของปัจเจกบุคคล จึงยากที่สุดที่จะประสานให้เห็นพ้องต้องกัน

อีกทั้งในเวลาสั้นๆ คงไม่อาจเชื่อมช่องว่างทั้ง 5 (หรือ 6 ประการ) ได้อย่างแนบสนิท ในสถานการณ์เฉพาะหน้า การที่จะประสานช่องว่างระหว่างประชาชน 2 กลุ่ม (ที่ว่ากันว่ากลุ่มหนึ่งเลือกรัฐบาล ส่วนอีกฝ่ายล้มรัฐบาล) ขึ้นอยู่กับความสำเร็จของนโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่

โรเบิร์ต เฮอร์เรราลิม จากบริษัทวิจัยทางการเมือง Eurasia Group กล่าวผ่านสถานีโทรทัศน์ CNN ว่า ความท้าทายของยิ่งลักษณ์คือการรักษาคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชน ผลการเลือกตั้งที่ออกมาไม่เพียงสะท้อนความนิยมในตัวพี่ชายของยิ่งลักษณ์เท่านั้น แต่ยังสะท้อนความไม่พอใจของประชาชนต่อราคาสินค้าที่แพงขึ้น

แต่ปัญหาความแตกแยกทางการเมืองและแตกต่างทางเศรษฐกิจไม่ใช่จะแก้ไขกันง่ายๆ เหมือนฟอร์มรัฐบาล ซึ่งใช้เวลาไม่กี่ชั่วโมงหรือไม่กี่วัน

ทากาฮิระ โอกาวา นักวิเคราะห์จาก Standard and Poor’s บริษัทจัดอันดับความน่าเชื่อถือทางการเงิน กล่าวผ่านสำนักข่าว Bloomberg ว่า ระยะเวลาในการฟื้นเสถียรภาพทางการเมืองเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพิจารณาปรับเปลี่ยนระดับความน่าเชื่อถือทางการเงินของไทย

“พิจารณาจากความแตกแยกทางการเมืองที่ลงลึก กระบวนการปรองดองอย่างสมบูรณ์แบบในไทยในอนาคตอันใกล้คงเกิดขึ้นได้ยาก” โอกาวา กล่าว

เกวิน กรีนวูด นักวิเคราะห์จากบริษัท Allan & Associates ในฮ่องกง สะท้อนทัศนะที่ใกล้เคียงกับโอกาวา และคล้ายคลึงกับสำนักข่าว Bloomberg เพราะอีกหนึ่งตัวแปรเสถียรภาพในไทยมิใช่อื่นใด แต่ยังมีทั้งเสื้อเหลือง เสื้อแดง ที่เห็นต่างอย่างสุดขั้ว รวมถึงการเจรจาระหว่างเพื่อไทยกับกองทัพล่วงหน้าการเลือกตั้งยังมีวี่แววน่ากังขาว่าจะออกหัวหรือออกก้อย

แม้จะเผชิญกับความลักลั่นและความแตกแยก แต่ในสายตาของต่างประเทศ ทางออกของไทยก็ใช่ว่าไม่มีเอาเสียเลย

สถานีโทรทัศน์ CNN เสนอทางออกสำหรับวิกฤตเมืองไทยผ่านความเห็นของ ฐิตินันท์ พงษ์สุทธิรักษ์ ที่เคยตีพิมพ์ในหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ เมื่อวันที่ 28มิ.ย. หรือเพียง 5 วันก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งเสนอไว้ดังนี้

ในระยะเวลาที่เหมาะสม ผบ.ทบ.จะดำรงตำแหน่งต่อไป ต่อมาจะต้องมีการจัดการสืบสวนสาเหตุการเสียชีวิตของประชาชนระหว่างการชุมนุมประท้วงเมื่อปี 2553 และทักษิณจะต้องอยู่ให้ห่างการเมือง ฝ่ายแนวร่วมทางการเมืองจะต้องไม่เปลี่ยนขั้วอย่างฉับพลัน นอกจากนี้ ต้องชะลอข้อเสนอนิรโทษกรรมการเอาผิดผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการรัฐประหารปี 2549 และที่สำคัญที่สุด ฝ่ายต่อต้านทักษิณจะต้องเลี่ยงการระดมพลประท้วงครั้งใหญ่ดังที่เคยเกิดขึ้นเมื่อปี 2551

ข้อเสนอนี้จะถูกใจทุกฝ่ายหรือไม่ยิ่งน่ากังขากว่าการสงวนท่าทีของยิ่งลักษณ์ แต่อย่างน้อยก็นับเป็นทางออกทางหนึ่ง

ถึงจะรอดปัญหาเฉพาะหน้าไปได้ แต่ถึงที่สุดแล้วไทยกำลังเผชิญกับปัญหาเชิงโครงสร้างที่จะหลอกหลอนประเทศของเราอยู่เรื่อยไปหากไม่มีการแก้ไข หนังสือพิมพ์ The Wall Street Journal เสนอว่า นับจากนี้ไทยจะมีรัฐบาลผูกขาดโดยพรรคใหญ่ การถ่วงดุลอำนาจจึงเป็นสิ่งที่จำเป็นอย่างยิ่ง หากไม่แก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อสถาปนาองค์การอิสระอย่างแท้จริง ปัญหาเดิมๆ จะเข้ามารุมซ้ำเติมประเทศของเราอยู่ร่ำไป

ข้อเสนอของสื่อต่างๆ อาจไม่มีข้อสรุปที่ชัดเจน เพราะในวันนี้ไทยกำลังก้าวเข้าสู่พรมแดนใหม่ที่ไม่เคยพานพบมาก่อน อย่างน้อยก็เป็นยุคแรกที่เรามีนายกรัฐมนตรีหญิง

แน่ล่ะในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เราได้ทุกข์ทนและทำการทดลองทางการเมืองมาโดยตลอด ท่ามกลางสายตากังวลและเอาใจช่วยของชาวโลก

หากจะล้มลุกคลุกคลานก็ควรถือเป็นประสบการณ์อันล้ำค่า เพื่อแก้ไขตัวเราทุกคนให้เข้มแข็งยิ่งกว่าในอนาคต  

 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมบอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บอลวันนี้ วันเสาร์ที่ 20 ธ.ค. 68