พระไทยสร้างวัดสร้างโรงเรียนเพื่อชุมชนชาวอินเดีย

เมื่อชาวพุทธไปนมัสการสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่กรุงกุสินารา อินเดีย

 
โดย...สมาน สุดโต

เมื่อชาวพุทธไปนมัสการสถานที่พระพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ที่กรุงกุสินารา อินเดีย จะพบเห็นวัดนานาชาติหลายวัด รวมทั้งวัดไทย 2 วัด แต่คนไทยส่วนมากจะเคยได้ยินชื่อและรู้จักวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์กันมาก เพราะเจ้าอาวาส พระราชรัตนรังษี (วีรยุทธ์) ท่านเก่ง มีวาทศิลป์ดี เมื่อนำชมและบูชาสังเวชนียสถานจะสร้างความประทับใจให้คนไทยเสมอ

ในขณะที่ถาวรวัตถุและสิ่งก่อสร้างในวัดไทยกุสินาราเฉลิมราชย์ ไม่ว่าพระอุโบสถและศาลาก็โดดเด่นด้วยศิลปะและสถาปัตยกรรมแบบไทย ในแง่บริการชุมชนท่านเจ้าคุณวีรยุทธ์ก็ตั้งโรงพยาบาลชุมชนรักษาพยาบาลคนอินเดีย เหมือนให้ฟรี จึงกลายเป็นขวัญใจชุมชนไปในขณะนี้

จากวัดไทยเฉลิมราชย์ บนเส้นทางจากสถานที่เสด็จดับขันธปรินิพพาน ไปสู่มกุฏพันธนเจดีย์ สถานถวายพระเพลิงพระบรมศพสมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้า ซึ่งมีระยะทางประมาณ 1.5 กิโลเมตร พบวัดไทยอีกหนึ่งวัดตั้งอยู่ นอกจากพระและชื่อวัดที่ใช้อักษรไทยแล้ว ไม่มีสิ่งอื่นๆ ที่บอกว่านี้คือวัดไทย และสถาปัตยกรรมการก่อสร้างทั่วไปเป็นศิลปะอินเดีย นี่คือวัดกุศาวดีสังกัดคณะธรรมยุต มีสมภารเจ้าวัดในวัย 62 ปี ชื่อว่าพระครูอาทรธรรมานุสิฐ (อ.บุญเลิศ คุตตธมฺโม) อยู่เมืองไทยมีตำแหน่งเป็นผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดเจดีย์หลวงเชียงใหม่ อยู่อินเดียเป็นเจ้าอาวาสวัดกุศาวดีพุทธวิหาร (Wat Kushawadee Buddhavihar Post 3Distict Kushinagar UP 2744033 India)

แรงบันดาลใจให้สร้างวัดแห่งนี้คือ แรงอธิษฐาน ที่ท่านตั้งใจไว้เมื่อ พ.ศ. 2535 ขณะที่มาจำพรรษาในอินเดีย ว่าถ้าบุญมีวาสนาส่งจะขอสร้างวัดชื่อกุศาวดีถวายเป็นพุทธบูชา และขอให้ดลใจให้เจ้าหน้าที่ของอินเดียหาที่ให้สร้างวัดให้ด้วย

กุสินาราที่สมเด็จพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเสด็จดับขันธปรินิพพาน ในอดีตมีชื่อว่าเมืองกุศาวดี เป็นมหานครที่พระเจ้าจักรพรรดิปกครอง สมบูรณ์ด้วยพืชพันธุ์ธัญหาร ชาวเมืองมีความสุข มีเสียงม้า เสียงรถ และเสียงขับขานให้ได้ยินตลอดทั้งกลางวันและกลางคืน

คำอธิษฐานเป็นความจริง เมื่อวันที่ 16 ธ.ค. 2535 ได้ที่ดิน 9 ไร่เศษ และเริ่มสร้างวัด ถึงปัจจุบันเป็นเวลา 17 ปี สร้างวิหารหลวงเฉลิมพระเกียรติน้อมเกล้าฯ ถวายแด่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 1 หลัง ขณะนี้กำลังสร้างโรงครัวกว้าง 24 เมตร ยาว 25 เมตร เป็นอาคาร 2 ชั้น ส่วนอุโบสถลงมือก่อสร้างเมื่อ 29 เม.ย. 2554 นี่เอง เงินทุนที่ใช้ในการก่อสร้างได้จากคณะกฐิน เช่น จากคุณคะนอง เนินอุไร แห่ง นสพ.โลกทิพย์ มาทอดกฐินติดต่อกันหลายปี

ส่วนผู้จาริกแสวงบุญที่เข้ามาพักเห็นโครงการที่ก่อสร้างก็ร่วมด้วยช่วยกันแบบคนไทยทั่วไป โดยไม่มีทุนรายใหญ่สนับสนุน

ท่านภูมิใจที่ผลงานที่ทำช่วยชาวอินเดียและผู้จาริกแสวงบุญได้มาก ทุกวันอาทิตย์มีเด็กชาวอินเดียมาเรียนหนังสือประมาณ 200-300 คน