posttoday

ทายาทการเมือง"อมรวิวัฒน์"

23 เมษายน 2554

สัมภาษณ์พิเศษว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่ของพรรคเพื่อไทย "อนุตตมา อมรวิวัฒน์" ทายาท พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ขอเน้นผลักดันเรื่องการศึกษา

สัมภาษณ์พิเศษว่าที่ผู้สมัคร ส.ส. หน้าใหม่ของพรรคเพื่อไทย "อนุตตมา อมรวิวัฒน์" ทายาท พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ขอเน้นผลักดันเรื่องการศึกษา

โดย...ทีมข่าวการเมือง

'จิ๊บ อนุตตมา'สลัดชุดขรก.สู่การเมือง

ใกล้เข้าสู่โหมดเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ แต่ละพรรคต่างเลือกเฟ้นหาว่าที่ผู้สมัครลงกำชัยเลือกตั้ง ทั้งที่มาจากการทาบทาม เชิญชวนและสมัครใจ แต่พรรคเพื่อไทยกลับมีสาวสวย อดีตข้าราชการกระทรวงพาณิชย์ สังกัดกรมส่งเสริมการส่งออก ที่ได้รวบรวมประสบการณ์พร้อมความกล้ามาขอโอกาสทำงานรับใช้ประชาชน

"อนุตตมา อมรวิวัฒน์" หรือ "จิ๊บ" บุตรสาวคนโต "พล.ต.อ.สมบัติ อมรวิวัฒน์ อดีตรองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ และอดีตอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ หรือดีเอสไอ" ดีกรีอดีตนักวิชาการพาณิชย์ระดับ 6 เปิดใจกับทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ ถึงความเป็นมาที่อยากเข้าสู่ถนนการเมืองจากจุดเริ่มต้นข้าราชการ "ข้ารับใช้ของแผ่นดิน ข้ารับใช้ประชาชน"

ทายาทการเมือง"อมรวิวัฒน์"

"อนุตตมา" เล่าว่า บุคคลในครอบครัว โดยเฉพาะ "คุณพ่อสมบัติ" ที่ทำงานอุทิศตนให้ประชาชนตลอดอายุราชการกว่า 40 ปี อีกทั้งคุณลุงสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ อดีต รมว.ยุติธรรม""ที่ทำงานการเมืองมา 20-30 ปี รวมถึง "พี่ชายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย"ซึ่งทำหน้าที่เป็นผู้แทนอยู่ในสภา เมื่อเห็นตรงนี้จึงเกิดแรงบันดาลใจอยากเข้ามาทำงานการเมืองมากขึ้น

ประกอบกับการที่เลือกเข้าทำงานการเมืองกับพรรคเพื่อไทย เนื่องด้วยนโยบายที่เคยได้เห็นในอดีตคือ "ไทยรักไทยและพลังประชาชน"ที่มองว่าสามารถทำได้จริง ถึงมือประชาชนจริงๆ จับต้องได้อย่างเป็นรูปธรรม เช่น หนึ่งตำบลหนึ่งผลิตภัณฑ์ ซึ่งประโยชน์ที่ได้รับกลับเข้าหาชุมชน อีกทั้งเป็นการสืบทอดและรักษาขนบธรรมเนียมวัฒนธรรม รวมถึงรักษาความเป็นไทยไว้

แต่ด้วยภาพลักษณ์ของพรรคเพื่อไทยที่เชื่อมโยงกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่ทุกฝ่ายเกรงว่าอาจทำให้การหาเสียงนั้นยากขึ้นนั้น "อนุตตมา"ตอบอย่างมั่นใจว่า เรื่องนี้คงไม่ใช่ปัญหาหรือประเด็นใหญ่ เชื่อว่าประชาชนจะเข้าใจ

แม้สถานการณ์ความรุนแรงทางการเมืองเกิดขึ้นในช่วงเดือน เม.ย.ที่ผ่านมา ก็อยากให้ประชาชนดูที่นโยบาย ว่าเราจะทำอะไรให้ประเทศชาติ เพราะสังคม ประชาชน และประเทศชาติ จะต้องเดินต่อไปด้วยกันอย่างหยุดนิ่งไม่ได้ จึงอยากให้ทุกฝ่ายหันมาสนับสนุนให้การพัฒนาประเทศชาติเดินต่อไปข้างหน้าดีกว่ายึดติดกับเรื่องแบบนี้         

"นโยบายเพื่อมาตอบโจทย์ในการแก้ไขปัญหามันไม่มีสูตรสำเร็จว่าจะทำให้เกิดผลเป็นรูปธรรมอย่างไร และยอมรับว่ามันไม่ใช่เรื่องง่ายหรือเรื่องยากจนเกินไป ส่วนตัวเชื่อว่านักการเมืองทุกคนคงจะคิดแบบเดียวกัน ว่าจะทำอย่างไรให้การพัฒนาประเทศชาติเกิดขึ้นและก้าวไปได้"

แม้มีนามสกุล "อมรวิวัฒน์" ที่ทำให้หลายคนรู้สึกและนึกถึงภาพทายาทนักการเมืองเข้ามาสืบทอดอำนาจ ซึ่งหลายฝ่ายอาจเห็นว่าเป็นอุปสรรคอย่างหนึ่งต่อการทำงานการเมือง "อนุตตมา" ตอบด้วยแววตาที่มุ่งมั่นและมองว่าเรื่องนี้ไม่น่าใช่อุปสรรค เพราะ "คุณลุงสมพงษ์" ที่คร่ำหวอดทางการเมืองมากว่า 30 ปี มีเพื่อนฝูงเยอะแยะมากมายรวมถึงเป็นคนที่รักเพื่อนและไม่เคยคิดหักหลังใครดังนั้นมุมบวกตรงนี้จะส่งผลในทางที่ดีต่อการทำงานการเมืองให้กับเธอ

"อนุตตมา" ยอมรับว่าเป็นเรื่องยากหากทำงานการเมืองให้ได้อย่าง "คุณลุงสมพงษ์" แต่เธอยืนยันว่า จะพยายามทำเต็มที่เหมือนที่ "คุณลงสมพงษ์"ทำจนประสบความสำเร็จและเป็นที่ยอมรับของคนส่วนใหญ่มาแล้ว ทำให้ "อนุตตมา" บอกว่า ทุกวันนี้ต้องทำการบ้านหนักขึ้น ด้วยการลงพื้นที่เพื่อสำรวจความต้องการของประชาชน เพื่อที่จะได้รู้ว่าอะไรที่เราสามารถผลักดันได้

นอกจากนี้"อนุตตมา"บอกว่า ประสบการณ์ที่ได้ทำงานกับบริษัทต่างประเทศแห่งหนึ่งเกี่ยวกับการซื้อขายหุ้น ทำให้เห็นถึงรูปแบบความเป็นมืออาชีพว่าตัดสินใจในลงทุนซื้อหุ้นสักตัว บริษัทจะมีการตั้งทีมงานวิจัยกันอย่างเป็นระบบ โดยมีทีมงานกว่า 20-30 ชีวิต เพื่อวิเคราะห์ก่อนตัดสินใจซื้อหุ้นตัวนั้น จึงคิดว่าการตัดสินใจอะไรต้องระดมหลายความเห็น ไม่ใช่รับฟังความเห็นของใครเป็นคนคนเดียว

"เพราะฉะนั้นงานการเมืองที่ตัวเองวางระบบไว้ก็จะมีลักษณะแบบนั้น ก่อนที่จะออกนโยบายอะไรก็ต้องมีการทำผลสำรวจว่าประชาชนต้องการอะไร แต่ก็ต้องใช้เวลา ไม่ใช่ว่าจะสามารถทำได้เลยในระยะเวลาอันสั้น"

ทายาทการเมือง"อมรวิวัฒน์"

"อนุตตมา" ยอมรับว่าหนักใจบ้างกับการลงพื้นที่ เพราะพื้นที่ที่คาดว่าจะได้ลง อาจต้องพบกับเจ้าถิ่นที่เป็น สส.เก่ามาหลายสมัย แต่ก็คิดเสมอว่าเป็นครั้งแรก แต่จะพยายามทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด เพราะเราได้ตัดสินใจมาแล้วที่จะลงมารับใช้ประชาชนทำงานด้านการเมือง

แม้เป็นผู้หญิงที่หันมาเล่นการเมืองในขณะที่สถานการณ์ปัจจุบันมีความรุนแรง "อนุตตมา" ตอบด้วยน้ำเสียงยืนยันว่าอย่างไรก็ไม่ถอย และคิดว่าจะเน้นทำการเมืองในลักษณะปรองดอง สมานฉันท์ ให้เกิดขึ้นในทางการเมืองและคนในชาติ รวมทั้งอยากให้ประชาชนดูในเรื่องของนโยบายพรรคเป็นหลักว่าพรรคไหนสามารถทำประโยชน์ให้กับประชาชนได้มากกว่ากัน    

สำหรับวิธีทำให้เกิดความปรองดองได้ "อนุตตมา" นั่งครุ่นคิดสักพักก่อนตอบว่า ไม่ได้อยู่ที่เราคนเดียว แต่ขึ้นอยู่กับทุกๆ คนที่ต้องช่วยกัน ดังนั้นจึงอยากให้ดูนโยบายของแต่ละพรรคว่าได้ทำประโยชน์ให้กับส่วนรวมอย่างไร แต่ในรูปแบบการเสนอนโยบายส่วนตัวไม่ได้คิดที่อยากมีศัตรู แต่ต้องการอยากให้เพื่อนเพิ่มมากกว่า ไม่ว่าจะเป็นพรรคไหนก็ตาม และเราในฐานะนักการเมืองด้วยกัน ก็อยากเห็นบ้านเมืองประเทศชาติมีความเจริญก้าวหน้า จึงอยากตรงเน้นตรงนี้มากกว่า

"อนุตตมา" เปิดเผยว่า รุ่นพี่ของพรรคโดยเฉพาะ สส.กทม. และ "พี่ชายจุลพันธ์" ได้เข้ามาแนะนำเกี่ยวการทำงานด้านการเมือง รวมทั้งแนะนำในภาพรวมโดยเฉพาะนโยบายของ กทม. ที่เคยทำมาในอดีตและทำได้ดี จนประสบความสำเร็จเห็นผลมาแล้วหลายเรื่อง ซึ่งนโยบายที่มีอยู่ยอมรับว่าดีมากจนเราไม่คิดว่าจะต้องไปปรับหรือแก้ไขในส่วนไหน และอีกไม่นานนักการเมืองมืออาชีพตัวจริงเสียงจริง คือ กลุ่มบ้านเลขที่ 111 และ 109 กลุ่มคนเหล่านี้ที่จะถูกปลดล็อกทางการเมือง ก็จะกลับมาเข้าร่วมงานกับพรรคตามเดิม

เด็กไทยต้องเก่งและฉลาดขึ้น

"อนุตตมา"บอกด้วยท่าทีที่ประหม่าเล็กน้อยแต่ก็แฝงไว้ด้วยความหวัง ในฐานะนักการเมืองรุ่นใหม่หากได้เข้าสู่ถนนสายนี้ สิ่งที่อยากผลักดันที่สุดคือ เรื่องการศึกษา เพราะต้องการให้เด็กไทยเก่งขึ้นและฉลาดขึ้น ซึ่งส่วนใหญ่โดยเฉพาะผู้ปกครองพยายามส่งบุตรหลานไปเรียนพิเศษ เน้นหนักในด้านวิชาการ แต่ในความเป็นจริงนอกห้องเรียนมันมีอะไรมากกว่านั้น เช่น กีฬา ที่ถือว่าสามารถทำให้เกิดการปรับตัวให้อยู่ร่วมกับผู้อื่นได้ ดนตรีก็ถือเป็นส่วนประกอบที่ขัดเกลาจิตใจให้อ่อนโยน

ทายาทการเมือง"อมรวิวัฒน์"

"คนเราต้องมีหลายอย่างมาประกอบกันเพื่อให้เกิดความสมบูรณ์ ไม่ใช่แค่เรื่องเรียนเพียงอย่างเดียว ถ้าหากเราทำควบคู่กันได้ ก็จะทำให้เด็กมีโอกาสที่จะค้นพบตัวเองว่าที่จริงแล้วอนาคตอยากทำหรือเป็นอะไร" สอนคณะเศรษฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ทำให้เห็นมุมมองเกี่ยวกับการศึกษาของไทยในปัจจุบัน ที่ยังไม่คืบหน้าหรือแตกต่างไปจากอดีต โดยเฉพาะรูปแบบการสอนของอาจารย์ที่ยังเน้นให้แต่เพียงท่องจำ นักเรียนจึงไม่รู้อะไรไปมากกว่าที่มีอยู่ในห้องและตำรา

นอกจากนี้ วิธีการสอนตัวสมัยนั้นได้พยายามปรับให้นักเรียนได้ศึกษาจากกรณีจริง เพื่อที่จะได้พัฒนาออกไปจากระบบการสอนเดิม แต่ก็ยังมีนักศึกษาบางคนที่เคยสอนไม่รู้ว่าเรียนจบแล้วตัวเองอยากทำอะไร ซึ่งต้องยอมรับว่ามีมากทั้งในระดับมหาวิทยาลัยรัฐและเอกชน เมื่อเราเห็นช่องว่างตรงนี้และคิดว่าสามารถพัฒนาในรูปแบบอื่นได้โดยไม่จำเป็นต้องเน้นหนักในเรื่องวิชาการมากจนเกินไป

"ประสบการณ์ที่ได้รับจากเรียนเมื่อสมัยอยู่ต่างประเทศ จะเห็นวิธีการเรียนการสอนที่พยายามเน้นให้เด็กเก่งรอบด้าน ทั้งกีฬา ดนตรีที่สำคัญคือการช่วยเหลือตัวเอง ซึ่งต่างจากคนไทยที่จะเน้นหนักไปแต่เรื่องวิชาการ เมื่อเจอเหตุการณ์แบบนี้และสัมผัสมาโดยตรง บวกกับเป็นอาจารย์สอน จึงเกิดแรงผลักดันว่าวันหนึ่งอยากให้ตัวเองได้เข้ามาทำการเมือง ถึงจะเป็นเพียงผู้หญิงตัวเล็กๆ ที่ไม่สามารถเปลี่ยนแปลงระบบอะไรได้ทั้งหมด แต่ก็ตั้งปณิธานไว้ว่าหากเข้ามาได้จริง ก็อยากปฏิรูประบบการศึกษาของประเทศใหม่"

"อนุตตมา" บอกว่า การพัฒนาเด็กรุ่นใหม่ มุ่งเน้นไปในระดับอุดมศึกษา และอีกสิ่งหนึ่งที่คิดไว้และหวังว่าเป็นไปได้ คือ การพัฒนาตั้งแต่เด็กแรกเกิด เพราะจากรายงานพบว่า เด็กแรกเกิดถึง 3 ขวบ มีการพัฒนาทางสมองมากที่สุด และหลังจากนั้นการพัฒนาจะช้าลง ซึ่งสาเหตุมาจากพ่อแม่ต้องออกไปทำงาน จึงทำให้ได้รับสารอาหารที่ไม่เพียงพอต่อความต้องการ

"หากมีโครงการรัฐสวัสดิการดูแลเด็กแรกเกิดไปจนถึง 3 ขวบทุกคน ไม่ว่าครอบครัวนั้นจะรวยหรือจน ก็มีสิทธิได้รับเท่ากัน เพราะการเลี้ยงเด็กแรกเกิดถือว่าเป็นสมบัติอันมีค่าของชาติจึงต้องดูแลอย่างเต็มที่ ถ้าหากมีโอกาสได้เข้าไปทำงานในสภา จะพยายามผลักดันเรื่องตรงนี้ให้เป็นรูปธรรม"

หัวใจ...ถูกจองแล้ว

สวยอย่างนี้ขอบอกว่าดีกรีการศึกษาไม่แพ้ใคร เพราะจบปริญญาตรีเกียรตินิยมอันดับ 2 สาขาความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจากคณะรัฐศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยจากนั้นเดินทางไปศึกษาต่อที่ประเทศสหรัฐอเมริกา โดยคว้าปริญญาโทกลับบ้านมา 2 ใบ สาขา "International Business"จาก Boston University และสาขา "International Economic Policy"จาก Columbia University แต่เมื่อถามเรื่องหัวใจ"อนุตตมา"นั่งม้วนอาย ก่อนชวนให้ทีมข่าวโพสต์ทูเดย์จิบกาแฟที่เตรียมมาให้ ภายหลังจึงยอมเอ่ยปากรับว่า กำลังศึกษาดูใจใครบางคนอยู่ แต่ขออุบในรายละเอียด และยืนยันว่าไม่ใช่หนุ่มในวงการการเมือง

นอกจากนี้ เวลาส่วนใหญ่จะใช้ชีวิตอยู่กับครอบครัว และอาจจะมีกิจกรรมไปรับประทานอาหารนอกบ้านร่วมกันบ้าง ถ้าว่างก็จะชอบฟังเพลงเป็นแนว "ฮิปฮอป"โดยเฉพาะของ "เจซีฟิฟตี้เซน"ฟังแล้วก็อารมณ์ดี แม้จะขัดกับบุคลิกไปบ้างก็ตาม(เธอหัวเราะ)ที่ชอบสุดๆ คงเป็นการเดินทางไปเชียงใหม่เพื่อพักผ่อน เพราะรู้สึกว่าเป็นเมืองที่มีสีสันและวัฒนธรรมหลายๆอย่างที่น่ารัก มีป่าเขา รวมถึงธรรมชาติที่สวยงาม

หากชมภาพยนตร์โดยเฉพาะต่างประเทศคงจะเป็นเรื่อง"อินเซปชัน จิตพิฆาตโลก"ที่ดูแล้วลึกลับดี จนต้องมานั่งเถียงกับที่บ้านว่าจริงๆ แล้ว ตอนจบของเรื่องมันเป็นฝันหรือเรื่องจริงหรือตื่นแล้วกันแน่ ถ้าหนังทั่วไปก็ชอบประเภทโรแมนติกคอมมิดี หรือที่ใช่ที่สุดก็เป็นการอ่านหนังสือเล่มโปรดอย่างเรื่อง"ดูบราดน์" ซึ่งเป็นแนวแวมไพร์ที่อยู่ในเมืองนิวยอร์ก และเหมือนกับชีวิตของเราตอนที่ไปศึกษาอยู่ที่นั่น และยอมรับว่าการใช้ชีวิตอยู่ที่นิวยอร์ก เป็นเมืองค่อนข้างที่จะต้องเร่งรีบไปหมดจนดูว่าวันหนึ่งสามารถทำอะไรได้เยอะมาก ทั้งเรียน-ประชุมและสอนให้เราได้กระตือรือร้น แต่พอกลับมาอยู่เมืองไทยก็ต้องปรับตัวอยู่บ้าง

ทั้งนี้ "อนุตตมา"ทิ้งท้ายกับทีมข่าวโพสต์ทูเดย์ว่า ใกล้เวลาเลือกตั้งเข้ามาทุกขณะ อยากให้ประชาชนได้ศึกษาถึงนโยบายของแต่ละพรรคการเมือง และออกมาใช้สิทธิเลือกผู้แทนที่ดีเข้า

มาทำงานบริหารประเทศ และที่สำคัญ "อยากขอโอกาสจากประชาชนให้เธอเข้ามามีส่วนช่วยบ้านเมือง"

ข่าวล่าสุด

"พลังงาน" สั่งเข้ม! ตรวจสอบปริมาณส่งออกน้ำมัน ทางบก-เรือ พร้อมร่วมมือกองทัพสกัดลักลอบส่งน้ำมันเข้ากัมพูชา