posttoday

ในหนังสือ'เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ'พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน

27 มีนาคม 2554

เมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ สิ้นพระชนม์ในเดือน ส.ค. 2478 รัฐบาลได้แต่งตั้งให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เป็นประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม อินทรโยธิน) ซึ่ง ปรีดี พนมยงค์ ได้เล่าถึงการแต่งตั้งเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นผู้สำเร็จราชการในบันทึกความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ดังนี้

เมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ สิ้นพระชนม์ในเดือน ส.ค. 2478 รัฐบาลได้แต่งตั้งให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เป็นประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม อินทรโยธิน) ซึ่ง ปรีดี พนมยงค์ ได้เล่าถึงการแต่งตั้งเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นผู้สำเร็จราชการในบันทึกความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ดังนี้

โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

เมื่อพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ สิ้นพระชนม์ในเดือน ส.ค. 2478 รัฐบาลได้แต่งตั้งให้ พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เป็นประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ และได้แต่งตั้งผู้สำเร็จราชการเพิ่มขึ้นมาใหม่ คือ พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม อินทรโยธิน) ซึ่ง ปรีดี พนมยงค์ ได้เล่าถึงการแต่งตั้งเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นผู้สำเร็จราชการในบันทึกความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ไว้ดังนี้

“โดยเฉพาะเจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินนั้น ท่านสืบเชื้อสายจากเจ้าฟ้าทองอินทร ซึ่งเป็นพระราชโอรสของสมเด็จพระเจ้าตากสิน แห่งกรุงธนบุรี ท่านมิได้ร่วมในคณะราษฎร แต่บังเอิญในตอนเช้าวันที่ 24 มิ.ย. 2475 ท่านซึ่งได้ออกจากราชการแล้วได้ไปเดินเล่นเวลาเช้าตามปกติ เมื่อท่านเดินมาถึงหน้ากำแพงรั้วเหล็กพระที่นั่งอนันตสมาคม ท่านเห็น พ.อ.พระยาพหลฯ ที่ได้ประกาศยึดอำนาจในนามคณะราษฎรแล้วนั้น กำลังใช้เหล็กงัดโซ่ที่ล้อมประตูกำแพงรั้วเหล็กใส่กุญแจเหล็กไว้นั้น ทั้งนี้เพราะ พ.อ.พระยาพหลฯ มีข้อกำยำแข็งแรงนัก เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธินจึงเดินเข้าไปดู พลางท่านก็ปรารภว่า ‘พวกนี้มันสามารถ’ แล้วท่านก็จากไป ต่อมาเวลาคณะราษฎรมีงานทำบุญ ท่านก็อุตส่าห์มาร่วมบ่อยๆ ท่านจึงได้รับความนับถือจากคณะราษฎร”

พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เกิดที่บ้านถนนพระสุเมรุ บางลำพูบนในกำแพงพระนคร เมื่อวันที่ 7 มี.ค. 2414 เป็นบุตรนายเสงี่ยม อินทรโยธิน มหาดเล็กเวรศักดิ์ ได้รับการศึกษาชั้นต้นที่โรงเรียนหลวงในพระบรมมหาราชวัง ในสำนักพระยาอนุกูล (ชม) และได้เข้าศึกษาวิชาทหารในสำนัก พล.พระยาวิเศษสัจธาดา ได้ศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักครูลำดัส ได้ถวายตัวเป็นทหารรักษาพระองค์ในสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณหิศ สยามมกุฎราชกุมาร

ในปี 2427 ได้บวชเป็นสามเณรอยู่วัดรังสี ในสำนักท่านอาจารย์สี เมื่อสึกจากสามเณรแล้วได้ไปศึกษาวิชาภาษาอังกฤษในสำนักหมอแมกฟาร์แลนด์เป็นเวลา 3 ปี แล้วสมัครเข้าเป็นนักเรียนนายร้อยทหารบก วังสราญรมย์ เมื่อเรียนจบหลักสูตรแล้วก็เข้ารับราชการในกรมทหารราบที่ 4 เมื่อปี 2433 ได้ย้ายเข้าประจำกองโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้ไปในกองข้าหลวงใหญ่เพื่อปราบโจรผู้ร้ายหัวเมืองฝ่ายตะวันออก เมื่อครั้งที่ พล.อ.เจ้าพระยาสุรศักดิ์มนตรี ผู้บัญชาการทหารบก ได้รับโปรดเกล้าฯ ให้เป็นข้าหลวงใหญ่ในการปราบปรามโจรผู้ร้ายนั้น จากนั้นก็ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยโทปลัดกองโรงเรียนนายร้อยทหารบก

ในปี 2435 ได้ย้ายไปรับราชการประจำกองร้อยที่ 1 ในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ในพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว จากนั้นก็ได้เลื่อนยศเป็นว่าที่ร้อยเอก เป็นผู้บังคับกองร้อยที่ 4 กองพันที่ 1 ในกรมทหารราบที่ 3 ของพระยาอนุชิตชาญไชย ไปราชการทัพมณฑลอีสานที่เมืองอุบลราชธานี

ในปี 2437 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็นร้อยเอกในกรมทหารบก มีบรรดาศักดิ์เป็นหลวงสรสิทธยานุภาพ เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิรุณทิศฯ ทิวงคต ก็ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ออกไปรับราชการเป็นองครักษ์ประจำองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ซึ่งทรงศึกษาอยู่ในประเทศอังกฤษ พร้อมกับ พล.ต.พระยาเสมอใจราช ข้าหลวงผู้เชิญเครื่องราชอิสริยยศไปทูลเกล้าฯ ที่กรุงลอนดอน ในการสถาปนาขึ้นเป็น สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช สยามมกุฎราชกุมาร ของสมเด็จเจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ

ระหว่างที่รับราชการประจำพระองค์ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ประทับอยู่ที่ประเทศอังกฤษ ก็ได้ตามเสด็จพระราชดำเนินไปทุกหนทุกแห่ง และได้ศึกษาวิชาทหารบางวิชาโดยเสด็จ สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ สยามมกุฎราชกุมารด้วย

ในปี 2443 ได้ตามเสด็จฯ สมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ เจ้าฟ้ากรมหลวงพิษณุโลกประชานาถ ไปในงานพระศพพระเจ้าอุมแบร์โตที่ 1 แห่งอิตาลี ในเดือน ก.ย. 2444 ได้ตามเสด็จฯ ไปในงานพระศพควีนวิกตอเรียแห่งอังกฤษ ในเดือน พ.ค. 2445 ได้ตามเสด็จฯ ไปในงานบรมราชาภิเษก พระเจ้าอัลฟังโซแห่งสเปน ในเดือน มิ.ย. 2445 ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรเป็น พ.ต. และได้ตามเสด็จฯ พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวไปประเทศนอร์เวย์ และเดนมาร์ก

เมื่อสมเด็จพระบรมโอรสาธิราช เจ้าฟ้ามหาวชิราวุธ สยามมกุฎราชกุมาร ทรงสำเร็จการศึกษาแล้ว ได้เสด็จประพาสไปเยี่ยมเยียนพระราชสำนักและเมืองต่างๆ ในยุโรป อเมริกา และญี่ปุ่น ก็ได้ตามเสด็จฯ ไปด้วย ได้เสด็จฯ นิวัตกลับกรุงเทพฯ ทางอเมริกาถึงกรุงเทพฯ เมื่อปลายเดือน ก.ค. 2445 นับได้ว่า พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ได้ทำหน้าที่ราชองครักษ์ประจำพระองค์สมเด็จพระบรมโอรสาธิราชฯ ตั้งแต่ไปและกลับเป็นเวลานานถึง 8 ปี และเมื่อกลับมาแล้วก็ยังคงรับราชการเป็นราชองครักษ์อยู่ต่อไป

ในปี 2446 ได้รับพระมหากรุณาธิคุณโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บังคับการกรมทหารราบที่ 4 และได้พระราชทานสัญญาบัตรเป็น พ.ท. แล้วให้เป็นข้าหลวงไปตรวจอาวุธที่ประเทศญี่ปุ่นเป็นพิเศษ เมื่อเสร็จภารกิจกลับมาได้ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นผู้บังคับการโรงเรียนนายร้อยทหารบก ได้รับพระราชทานยศเป็น พ.อ. ในปี 2449 และเป็นพระยาศักดาภิเดชวรฤทธิ์ ในตำแหน่งผู้บัญชาการกองพลทหารบกที่ 8 ในปี 2452 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็น พล.ต. ในปี 2454 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นนายกองข้าหลวงปักปันเขตแดน มณฑลปัตตานี และนครศรีธรรมราช ต่อกับเขตเมืองไชยบุรีและกลันตัน ในปี 2456 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นพระยาเทพอรชุน และดำรงตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ในปี 2457 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้เป็นองคมนตรีและเป็นนายทหารพิเศษ ในกรมทหารรักษาวัง ว.ป.ร.ตำแหน่งจเรทหารรักษาวัง ในพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว ยศ พล.ท.

ในปี 2460 ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้ย้ายจากตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ไปเป็นจเรทหารบกและการปืนเล็กปืนกล ทั้งยังเป็นประธานตุลาการศาลทหารบกกลางด้วย ต่อมาในเดือน มิ.ย. 2463 ได้รับคำสั่งให้เป็นผู้แทนกระทรวงกลาโหมไปในการรับพระศพ สมเด็จพระอนุชาธิราช เจ้าฟ้าจักรพงษ์ภูวนาท ณ เมืองสิงคโปร์ พร้อมด้วยเสนาบดีกระทรวงวัง ได้รับพระราชทานสัญญาบัตรยศเป็น พล.อ. ในปี 2467

ในเดือน มี.ค. 2471 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้กลับเข้ามารับราชการในตำแหน่งสมุหราชองครักษ์ และได้รับพระราชทานบรรดาศักดิ์เป็น เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน

ในเดือน เม.ย. 2473 ได้รับพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ให้โดยเสด็จพระราชดำเนินประพาสประเทศอินโดจีน ญวน และเขมร ประเทศญี่ปุ่น สหรัฐอเมริกา และแคนาดา ในเดือนเม.ย. 2475 ก็เกษียณอายุราชการ

ต่อมาเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดลขึ้นครองราชย์เป็นพระมหา กษัตริย์ ในระบอบประชาธิปไตยแบบรัฐสภาด้านการเมืองการปกครองประเทศ จึงขึ้นอยู่กับรัฐบาลผู้บริหารประเทศ และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวยังไม่ทรงบรรลุนิติภาวะ รัฐบาลในขณะนั้นจึงต้องแต่งตั้งคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่ง พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ได้รับแต่งตั้งให้เป็นหนึ่งในคณะผู้สำเร็จราชการด้วย

ในระหว่างที่ พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน เป็นผู้สำเร็จราชการนั้น มีเรื่องเล่ากันว่า ภายหลังที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร ถูกจับนั้น มีผู้ไปกราบทูลสมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ว่าสมเด็จพระราชปิตุจฉา เจ้าฟ้าฯ กรมหลวงเพชรบุรีราชสิรินธร พระราชธิดาทรงประชวรด้วยโรคพระวักกะพิการ และหมอไม่สามารถถวายการรักษาได้ เพราะไม่เข้าใจสมมติฐานของโรค มีแต่เพียงสมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร เท่านั้นที่ทรงอธิบายได้ สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าจึงทรงเรียก พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน มาเฝ้า และทรงขอให้ไปติดต่อรัฐบาล เพื่ออนุญาตนำตัว สมเด็จฯ กรมพระยาชัยนาท ออกมาชี้แจงสมมติฐานของโรคแก่หมอ แต่รัฐบาลก็ไม่ยินยอม สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้าถึงกับมีรับสั่งกับ พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ความว่า

“เขาจะแกล้งให้ฉันตาย ฉันไม่รู้ว่าฉันจะอยู่ไปทำไม ลูกตายไม่ได้น้อยใจ ช้ำใจเหมือนครั้งนี้เลย เพราะมีเรื่องหักได้ว่าเป็นธรรมดาโลก ครั้งนี้ทุกข์ที่สุดที่จะทุกข์แล้ว”

พล.อ.เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน ดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์มาจนถึงปี 2485 ในระหว่างสงครามโลกครั้งที่ 2 ยังไม่สิ้นสุดก็เริ่มมีอาการป่วยด้วยโรคความดันโลหิตสูง จนถึงวันที่ 21 ก.ค. 2485 ถึงแก่อสัญกรรมด้วยโรคหัวใจที่เกิดขึ้นโดยกะทันหัน

 

ข่าวล่าสุด

โปรแกรมซีเกมส์ 2025 วันนี้ 20 ธ.ค. 68 ลิ้งก์ดูสด ถ่ายทอดสดช่องไหน