posttoday

ในหนังสือ 'เอกกษัตริย์ใต้รัฐธรรมนูญ'พระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์

13 มีนาคม 2554

คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ที่คณะราษฎรได้เชิญมาให้ทำหน้าที่แทนพระองค์คณะแรกนั้น นอกจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์แล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ก็เป็นเจ้านายอีกพระองค์หนึ่งที่ร่วมอยู่ในคณะผู้สำเร็จราชการด้วย ดังจะเห็นได้จากบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “ความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ซึ่งได้กล่าวถึงบทบาทของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เอาไว้ว่า

คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ที่คณะราษฎรได้เชิญมาให้ทำหน้าที่แทนพระองค์คณะแรกนั้น นอกจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์แล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ก็เป็นเจ้านายอีกพระองค์หนึ่งที่ร่วมอยู่ในคณะผู้สำเร็จราชการด้วย ดังจะเห็นได้จากบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “ความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ซึ่งได้กล่าวถึงบทบาทของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เอาไว้ว่า

โดย...วิมลพรรณ ปีตธวัชชัย

คณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล ที่คณะราษฎรได้เชิญมาให้ทำหน้าที่แทนพระองค์คณะแรกนั้น นอกจากพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์แล้ว พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ก็เป็นเจ้านายอีกพระองค์หนึ่งที่ร่วมอยู่ในคณะผู้สำเร็จราชการด้วย ดังจะเห็นได้จากบันทึกของนายปรีดี พนมยงค์ เรื่อง “ความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์” ซึ่งได้กล่าวถึงบทบาทของพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เอาไว้ว่า

“ครั้นแล้วพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ราชเลขานุการในพระองค์ ในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระปกเกล้าฯ ได้เสด็จมาพบ พล.อ.พระยาพหลฯ และข้าพเจ้าที่วังปารุสกวัน ได้ทรงนำเอกสารต่างๆ มาให้ พล.อ.พระยาพหลฯ และข้าพเจ้าพิจารณา พล.อ.พระยาพหลฯ และข้าพเจ้าเห็นว่า พระองค์ได้ทรงร่วมมือกับรัฐบาลเป็นอย่างดี จึงได้ทาบทามท่านที่จะขอเสนอพระนามเป็นผู้สำเร็จราชการอีกองค์หนึ่ง พระองค์ทรงยินดี (ในส่วนที่เกี่ยวกับข้าพเจ้านั้น พระองค์ทรงรู้จักข้าพเจ้าตั้งแต่พระองค์ทรงศึกษาในประเทศอังกฤษ และได้มาเยือนปารีสหลายครั้ง ซึ่งได้กรุณาให้ข้าพเจ้าเป็นมัคคุเทศก์ของพระองค์ บางครั้งข้าพเจ้าเห็นว่าพระองค์ท่านไม่ถือองค์ว่าสูงศักดิ์ แต่ทรงบำเพ็ญองค์เยี่ยงนักประชาธิปไตย ต่างกับพวกปลายแถวพระราชวงศ์บางคนที่อวดอ้างเป็นเจ้ายิ่งกว่าหม่อมเจ้า)”

พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประสูติเมื่อวันที่ 24 ก.ค. ปี 2447 ทรงเป็นพระโอรสพระองค์แรกในพระเจ้าบรมวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาภากรเกียรติวงศ์ กรมหลวงชุมพรเขตอุดมศักดิ์ ที่ประสูติแต่พระองค์เจ้าทิพยสัมพันธ์ พระธิดาในสมเด็จพระราชปิตุลาบรมพงศาภิมุข เจ้าฟ้าภาณุรังษีสว่างวงศ์ กรมพระยาภาณุพันธุ์วงศ์วรเดช

เมื่อประสูติ ทรงพระนามว่า หม่อมเจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เมื่อพระมารดาทรงน้อยพระทัยพระบิดา และปลงชีพพระองค์เอง เมื่อวันที่ 26 ก.ค. 2451 พระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัวทรงรับพระองค์ไปเลี้ยงดู ทรงเอ็นดูเป็นพิเศษและโปรดเกล้าฯ ให้เลื่อนเป็นพระหลานเธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เมื่อวันที่ 28 พ.ย. 2452

เมื่อพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัวเสด็จขึ้นครองราชสมบัติเป็นพระมหากษัตริย์รัชกาลที่ 6 แห่งพระบรมราชจักรีวงศ์ จึงมีการเปลี่ยนแปลงคำนำพระนามพระบรมวงศานุวงศ์ตามรัชกาล ดังนั้นพระองค์จึงมีพระอิสริยยศที่

พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา

ต่อมาในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวอานันทมหิดล พระองค์ทรงแสดงพระองค์อย่างเปิดเผยที่จะให้ความร่วมมือและปรารถนาที่จะร่วมงานกับบรรดาคณะราษฎร ผู้กระทำการเปลี่ยนแปลงการปกครองพระองค์จึงได้รับการทาบทามให้เข้ามารับตำแหน่งในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ จนกระทั่งพระเจ้าวรวงศ์เธอ กรมหมื่นอนุวัตรจาตุรนต์ สิ้นพระชนม์ คณะราษฎรจึงได้ทาบทามให้เจ้าพระยาพิชเยนทรโยธิน (อุ่ม อินทรโยธิน) มาร่วมในคณะผู้สำเร็จราชการและแต่งตั้งให้พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา เป็นประธานคณะผู้สำเร็จราชการ

ตลอดระยะเวลาที่ทรงดำรงตำแหน่งผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์นั้น พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ทรงปฏิบัติพระองค์ให้เป็นไปตามความประสงค์ของคณะรัฐบาลในขณะนั้นตลอดมา แม้จะทรงดำรงตำแหน่งสูงส่งเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่สิ่งใดที่ไม่เป็นไปตามความปรารถนาของรัฐบาลและผู้มีอำนาจในขณะนั้น แม้จะเป็นสิ่งที่ผู้ที่อยู่ในหน้าที่ของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์พึงจะกระทำ แต่พระองค์ก็จะทรงวางเฉย ดังจะเห็นได้จากกรณีที่สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระบรมวงศ์ชั้นผู้ใหญ่ถูกอำนาจการเมืองของผู้มีอำนาจในขณะนั้น กลั่นแกล้งรังแก กล่าวหาว่าเป็นกบฏและถูกจับขังคุกอย่างไม่เป็นธรรม ถึงขนาดที่สมเด็จพระพันวัสสาอัยยิกาเจ้า ได้มีพระราชหัตถเลขาของประกันพระองค์ สมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร พระโอรสที่ทรงเลี้ยงมาตั้งแต่เล็กแต่น้อยไปยังพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ในขณะนั้นว่า

“กรมขุนชัยนาทฯ เท่ากับเป็นลูกฉันแท้ๆ ฉันเลี้ยงมาตั้งแต่ 12 วัน หลังจากที่หม่อมราชวงศ์หญิงวายชนม์แล้ว ฉันขอประกันว่ากรมขุนชัยนาทฯ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องในทางการเมือง นอกจากจะหาวิชาความรู้ในทางแพทย์และพฤกษศาสตร์เท่านั้น ฉันขอความช่วยเหลือจากเธอช่วยจัดการให้กรมขุนชัยนาทฯ ออกพ้นจากที่ควบคุม ฉันขอรับความควบคุมแทนที่วังฉัน ให้ตำรวจมารักษาการณ์ควบคุมอีกก็ได้”

แต่พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ถึงแม้จะมีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ แต่ก็ไม่สามารถที่จะทำอะไรได้ เมื่อจอมพล ป. พิบูลสงคราม นายกรัฐมนตรีในขณะนั้นได้ออกพระราชบัญญัติจัดตั้งศาลพิเศษขึ้นเพื่อพิจารณาคดีสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร โดยศาลพิเศษนี้ผู้ต้องหาไม่มีสิทธิอุทธรณ์ฎีกาใดๆ ทั้งสิ้น และให้ถือว่าคำพิพากษาของศาลพิเศษเป็นเด็ดขาดบังคับคดีได้ทันที ซึ่งเป็นการตัดโอกาสไม่ให้ผู้ต้องหาได้พิสูจน์ความบริสุทธิ์ของตนอย่างครบถ้วนตามระเบียบตุลาการปกติ พระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ในฐานะประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ก็ยังทรงยินยอมลงพระนามแต่งตั้งศาลพิเศษตามคำสั่งของรัฐบาลในขณะนั้นเพื่อลงโทษสมเด็จพระเจ้าบรมวงศ์เธอ กรมพระยาชัยนาทนเรนทร

ความใกล้ชิดสนิทสนมของพระวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา และจอมพล ป. พิบูลสงครามนั้น นายปรีดี พนมยงค์ ได้เล่าไว้ในบันทึกเรื่อง “ความเป็นไปภายในคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ว่า

“พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ และหม่อมกอบแก้ว ชายา เป็นนักกีฬา แต่ข้าพเจ้าไม่สันทัดทางกีฬา จึงมิได้ไปร่วมการเล่นกีฬากับท่านมากนัก นอกจากบางครั้งท่านทรงชวนให้ข้าพเจ้าไปเล่นแบดมินตันบ้าง แต่จอมพล ป.ฯ เป็นนักกีฬาผู้หนึ่งซึ่งมีโอกาสเล่นกีฬากับพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ช่วยให้ท่านทั้งสองมีความสนิทสนมกันยิ่งขึ้น และเห็นอกเห็นใจกัน

ข้าพเจ้าไม่เคยทราบมาก่อนว่าจอมพล ป.ฯ เคยส่งใบลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีมายังพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ซึ่งท่านเห็นว่าเป็นเรื่องที่จอมพล ป.ฯ มีความน้อยใจในปัญหาส่วนตัวซึ่งไม่ใช่ปัญหาทางราชการ ท่านจึงส่งใบลาออกกลับคืนไปโดยมิได้แจ้งให้ข้าพเจ้าทราบ

ต่อมาประมาณเดือน ก.พ. 2486 จอมพล ป.ฯ ได้ยื่นใบลาออกตรงมายังประธานคณะผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์อีก แล้วจอมพล ป.ฯ ก็ได้ออกจากทำเนียบสามัคคีชัยไม่รู้ว่าไปที่ไหน ซะรอยพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ จะทรงทราบว่าจอมพล ป.ฯ ต้องการลาออกจริงเพื่อปรับปรุงคณะรัฐบาลใหม่ก็ได้ พระองค์จึงส่งใบลาออกจอมพล ป.ฯ มาให้ข้าพเจ้าพิจารณา ข้าพเจ้าจึงเขียนความเห็นในบันทึกหน้าปกใบลาออกนั้นว่า ‘ใบลาออกนั้นถูกต้องตามรัฐธรรมนูญแล้วอนุมัติให้ลาออกได้’ ข้าพเจ้าลงนามไว้ตอนล่าง ทิ้งที่ว่างตอนบนไว้เพื่อให้พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ทรงลงพระนาม ซึ่งพระองค์ก็ทรงลงพระนาม ข้าพจึงเชิญนายทวี บุณยเกตุ ซึ่งขณะนั้นเป็นรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะรัฐมนตรีมาถามว่าจอมพล ป.ฯ จะจัดการปรับปรุงรัฐบาลอย่างไรหรือ ก็ได้รับตอบว่าคงจะจัดการปรับปรุงรัฐบาล และตามหาตัวจอมพล ป.ฯ ก็ยังไม่พบ แต่เมื่อคณะผู้สำเร็จราชการฯ ส่งคำอนุมัติใบลาออกของจอมพล ป.ฯ แล้ว สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรีซึ่งบังคับบัญชากรมโฆษณาการอยู่ด้วยก็จะให้วิทยุของกรมนั้นประกาศการลาออกของจอมพล ป.ฯ

ฝ่ายจอมพล ป.ฯ ขณะนั้นจะอยู่ ณ ที่แห่งใดก็ตาม เมื่อได้ฟังวิทยุกรมโฆษณาการประกาศการลาออกเช่นนั้นแล้วก็แสดงอาการโกรธมาก ครั้งแล้วได้มีนายทหารจำนวนหนึ่งไปเฝ้าพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ณ พระที่นั่งอัมพรสถาน ซึ่งท่านผู้นี้ประทับอยู่ขณะนั้น ขอให้จัดการเอาใบลาออกคืนให้จอมพล ป.ฯ เป็นธรรมดาที่พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ เห็นอาการของนายทหารเหล่านั้น จึงตกพระทัยเพราะไม่ทรงสามารถเอาใบลาออกคืนให้จอมพล ป.ฯ ได้ ฉะนั้น พระองค์พร้อมด้วยหม่อมกอบแก้วได้มาทำเนียบที่ข้าพเจ้าอาศัยอยู่ ซึ่งตั้งอยู่ริมแม่น้ำใกล้ท่าช้างวังหน้าขออาศัยค้างคืนที่ทำเนียบข้าพเจ้า ข้าพเจ้าจึงขอให้เพื่อนทหารเรือช่วยอารักขาตามพระประสงค์ ซึ่งเป็นการช่วยอารักขาข้าพเจ้าด้วย เพื่อนทหารเรือได้ส่งเรือยามฝั่งในบังคับบัญชาของ ร.อ.วัชรชัย ชัยสิทธิเวช ร.น. มาจอดที่หน้าทำเนียบของข้าพเจ้า ฝ่าย พ.ต.หลวงราชเดชา ราชองครักษ์ประจำตัวข้าพเจ้า และ พ.ท.ประพันธ์ กุลพิจิตร ราชองครักษ์ประจำพระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ก็ได้มาร่วมให้ความอารักขาด้วย เราสังเกตดูจนกระทั่งเวลาบ่ายของวันรุ่งขึ้นก็ไม่เห็นมีนายทหารบก หรือทหารอากาศมาคุกคามประการใด ดังนั้น พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ กับหม่อมกอบแก้ว จึงกลับไปพระที่นั่งอัมพรสถาน

ต่อมาจอมพล ป.ฯ ก็ได้ใบลาออกกลับคืนไป แล้วสั่งให้วิทยุกรมโฆษณาการกระจายเสียงใจความว่า ที่วิทยุกระจายเสียงว่าจอมพล ป.ฯ ลาออกนั้นคลาดเคลื่อนไป จอมพล ป.ฯ ยังคงครองตำแหน่งนายกรัฐมนตรีต่อไป เพราะหลักฐานการลาออกสูญหายแล้ว

จอมพล ป.ฯ จึงตำหนินายทวี บุณยเกตุ ที่ให้วิทยุกระจายเสียงการลาออกของจอมพล ป.ฯ นายทวี บุณยเกตุ จึงได้ลาออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีและเลขาธิการคณะรัฐมนตรี

ครั้งแล้วจอมพล ป.ฯ อ้างตำแหน่งผู้บัญชาการทหารสูงสุด ออกคำสั่งให้พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ และข้าพเจ้าประจำกองบัญชาการทหารสูงสุด คือเท่ากับให้ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ปฏิบัติตามคำสั่งของผู้บัญชาการทหารสูงสุด และให้ไปรายงานตัวภายใน 24 ชั่วโมง

พระองค์เจ้าอาทิตย์ฯ ได้เสด็จไปรายงานพระองค์ต่อจอมพล ป.ฯ ตามคำสั่ง” พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอาทิตย์ทิพอาภา ทรงลาออกจากตำแหน่งประธานผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ เมื่อวันที่ 31 ก.ค. ปี 2487 จากนั้นไม่นานก็ประชวรและสิ้นพระชนม์ลง สมเด็จเจ้าฟ้าภูมิพลอดุลยเดช สมเด็จพระอนุชา (พระยศในขณะนั้น) ได้เสด็จแทนพระองค์ไปพระราชทานเพลิงศพ ในเดือน มิ.ย. ปี 2489

 

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68