posttoday

จับตาประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 4 ฟองสบู่(เก่า)เขย่าโลก

27 มกราคม 2553

การกลับมาในรอบไม่ถึง 2 ปีของความเสี่ยงจ่อคอหอยเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกในวันนี้ เริ่มมีสัญญาณให้เห็นชัดเจน 4 ด้าน....

การกลับมาในรอบไม่ถึง 2 ปีของความเสี่ยงจ่อคอหอยเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกในวันนี้ เริ่มมีสัญญาณให้เห็นชัดเจน 4 ด้าน....

โดย...ทีมข่าวต่างประเทศ

ยังไม่ทันครบ 2 ปีที่ตลาดอสังหาริมทรัพย์อเมริกาต้องพังทลาย นำไปสู่วิกฤตการณ์ซับไพรม์ ลุกลามสู่ภาวะเศรษฐกิจถดถอยทั่วโลก มาวันนี้ เศรษฐกิจสหรัฐกลับต้องเจอกับประวัติศาสตร์ที่ทำท่าจะซ้ำรอยกับภาวะ “ฟองสบู่สินทรัพย์” รอบใหม่ หรือเหล้าเก่าๆ ที่รีเทิร์นกลับมาสู่ขวดเดิม

ใครว่ามีแต่ “จีน” ที่ต้องระวังฟองสบู่!

ซีเอ็นเอ็นมันนี มองว่า การกลับมาในรอบไม่ถึง 2 ปีของความเสี่ยงจ่อคอหอยเศรษฐกิจสหรัฐและเศรษฐกิจโลกในวันนี้ เริ่มมีสัญญาณให้เห็นชัดเจน 4 ด้าน คือ ฟองสบู่ทองคำ น้ำมัน หุ้น และพันธบัตรรัฐบาล

อย่าเพิ่งไขว้เขวเพราะเห็นการดิ่งฮวบของดาวโจนส์กว่า 200 จุด การร่วงลงของเอสแอนด์พี 5% เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว และการเทขายสัญญาซื้อขายน้ำมันล่วงหน้าในช่วงนี้ เหล่านี้ยังเป็นแค่ช่วงมหกรรมการต่อรองราคาเท่านั้น แต่การปั่นของปี 2553 ยังไม่ได้เริ่มขึ้น กองทัพอิควิตี สินค้าโภคภัณฑ์ อนุพันธ์ และตลาดหุ้น ยังมีพื้นที่ว่างสำหรับการไต่ระดับขึ้นไปได้อีกมากในปีนี้ ทั้งการทุบสถิติใหม่ และการไต่ราคาขึ้นไปจนเกินพื้นฐานความจริงที่ควรจะเป็น

เรื่องนี้เกิดขึ้นได้โดยมีปัจจัยสนับสนุนสำคัญ 2 ประการด้วยกัน คือ บริษัทภาคเอกชนส่วนใหญ่ยังไม่สามารถทำกำไรกันได้มากและเร็วพอที่จะช่วยให้เศรษฐกิจโลกดีดตัวกลับเข้าสู่ความมั่งคั่งได้ ขณะเดียวกันน้ำมันและทองคำในวันนี้ก็ยังมีราคาห่างจากที่เคยทุบสถิติอยู่มาก และแน่นอนว่ายังมีความต้องการซื้อสูง

หากย้อนกลับไปตั้งแต่ช่วงต้นปี 2552 เราจะเห็นว่าราคาน้ำมันดิบโลกได้ทะยานขึ้นถึง 63% ไปอยู่ที่ระดับราคา 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เช่นเดียวกับทองคำที่ทำราคาดีตัวขึ้นไป 20% ไปอยู่ที่ราคาทุบสถิติ (ในขณะนั้น) ที่เหนือระดับ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์

ส่วนราคาหุ้นนั้น หลังจากไต่ระดับสูงสุดอย่างต่อเนื่องไปจนถึงเดือนมี.ค. 2551 ราคาก็มีแต่ลดลงมาตามลำดับ ซึ่งแม้สถานการณ์จะทยอยฟื้นตัวขึ้นแล้วในวันนี้ แต่ระดับของราคาก็ยังต่ำกว่าราคาเฉลี่ยในเดือนมี.ค. อยู่ถึง 40% เช่นเดียวกันกับพันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี ที่ราคาถูกกว่าในปี 2550 ที่ราว 1.5%

นักวิเคราะห์ส่วนหนึ่งมองว่าแนวโน้มความเสี่ยงของฟองสบู่ในสหรัฐ ที่อาจส่งผลกระทบไปทั่วโลกอีกครั้งหนึ่งในตอนนี้ เป็นผลมาจากนโยบายเดิมๆ ของรัฐ ที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) กดดอกเบี้ยให้ต่ำติดดิน 0-0.25% พร้อมปล่อยกู้ให้ธนาคารมหาศาล จนธนาคารนำเงินกู้ดอกเบี้ยต่ำไปผันเงินผ่านช่องทางดังกล่าว ทั้งในตลาดสหรัฐเอง และบรรดาตลาดเกิดใหม่

“นักลงทุนสามารถกู้เงินในอัตราดอกเบี้ยที่ต่ำมากไปกว้านซื้อสินทรัพย์ต่างๆ นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจของเฟดไม่ได้ช่วยให้สินทรัพย์ในตลาดมีความเสี่ยงน้อยลงจากรัฐบาลที่ผ่านมาเท่าไหร่เลย” ไบรอัน เวสเบอรี ผู้เชี่ยวชาญด้านการเงินจากกองทุนเฟิร์สต์ ทรัสต์ กล่าว

และจุดอันตรายที่สุดของภาวะฟองสบู่ที่ไม่มีใครอยากจะเห็นก็คือ การแตกตัว เราจะรู้ได้อย่างไรว่าสินทรัพย์ที่กว้านซื้อกันในช่วงดอกเบี้ยต่ำ จะเริ่มมีราคาตกลงอีกครั้ง

ลองดูที่ตลาดอนุพันธ์ในวันนี้ พันธบัตรรัฐบาลสหรัฐอายุ 10 ปี มีอัตราดอกเบี้ยที่ 3.6% จากระดับเดิม 5.5% ซึ่งเป็นอัตราเฉลี่ยระหว่างปี 2536-2550 โดยมีอัตราเงินเฟ้ออยู่ที่ 3% ต่อปี ซึ่งเท่ากับว่าอัตราดอกเบี้ยจริงหลังหักเงินเฟ้อแล้วในครั้งนั้นจะอยู่ที่ราว 2.5%

เมื่อเปรียบเทียบกับในปีนี้ ซึ่งแน่นอนว่าอัตราเงินเฟ้อจะพุ่งสูงขึ้น โดยเฉพาะช่วงครึ่งหลังของปี หากเทียบเงินเฟ้อที่ระดับ 3% เท่ากัน ดอกเบี้ยพันธบัตรจะอยู่ที่ 0.6% หรือต่ำกว่าระดับเฉลี่ยรอบ 14 ปีถึง 1.9 จุด

ทว่าเมื่อเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัวในช่วงครึ่งปีหลัง เฟดก็อาจปรับขึ้นดอกเบี้ย และคาดว่าจะทำให้ดอกเบี้ยพันธบัตรพุ่งสูงไปถึง 5.5% นำไปสู่การขาดทุน เพราะแน่นอนว่าเมื่อดอกเบี้ยเพิ่มขึ้น ราคาพันธบัตรก็ตกลงไปพร้อมกัน

ในส่วนของราคาน้ำมัน ซึ่งอยู่ที่ระดับ 75 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล ในปัจจุบันนี้ อาจดูว่าถูกลงถึงครึ่งหนึ่งเมื่อเทียบกับช่วงพีกสุด 147 เหรียญสหรัฐ ทว่านักวิเคราะห์คาดว่าการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจในปีนี้ จะทำให้ราคาขยับขึ้นไปสูงจากเมื่อปีที่แล้ว ก่อนที่จะค่อยๆ ลดลงมาถึงระดับ 55-60 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล เนื่องจากปริมาณการผลิตที่เพิ่มขึ้น เมื่อบริษัทน้ำมันต้องการเพิ่มกำไรให้ตัวเอง

ส่วนสถานการณ์ทองคำนั้น หากลองเทียบในช่วงต้นปี 2552 ราคาได้พุ่งจาก 875 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ ไปอยู่ที่ 1,100 เหรียญสหรัฐต่อออนซ์ หรือเพิ่มขึ้น 3 เท่าจากราคาเฉลี่ยในปี 2533-2547

ทว่า ราคากลับสูงกว่าพื้นฐานที่แท้จริง และมีปริมาณจริงในตลาดสูงกว่าที่มีการเปิดเผย เพราะเหมืองต่างๆ แห่เพิ่มการลงทุนในช่วงที่ราคาทะยานขึ้น ขณะเดียวกันนักลงทุนในวันนี้ก็พยายามที่จะขายมากกว่าซื้อเหมือนในช่วงครึ่งหลังของปี 2552 และแรงขายก็ยังมีขึ้นอย่างต่อเนื่อง ท่ามกลางแนวโน้มที่ว่าภาวะเศรษฐกิจจะขยับขึ้นมาดีขึ้นในปีนี้ โดยที่ภาวะเงินเฟ้อไม่ใช่ปัญหาใหญ่ที่ทุกคนเคยหวั่นกลัวอีกต่อไป

เห็นเช่นนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่า การลงทุนมีความเสี่ยง อย่าปล่อยให้ประวัติศาสตร์อันน่าอดสูหวนกลับมาซ้ำรอย

ข่าวล่าสุด

ดูบอลสด ถ่ายทอดสด บีจี ปทุม พบ เมืองทอง ฟุตบอลไทยลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68