อภิสิทธิ์-กรณ์-กานดี เปิด 27 นโยบายพรรค ขอโอกาสกลับมาบริหารประเทศ
พรรคประชาธิปัตย์ เปิด 27 นโยบายพรรค สอดคล้องหมายเลขพรรคหาเสียง ชูแก้จน ฟื้นเศรษฐกิจ ปราบคอร์รัปชัน ขอความเชื่อมั่นประชาชน พร้อมแขวะภูมิใจไทย พูดแล้วทำไม่พอ ต้องคิดก่อนพูดและทำเป็น
KEY
POINTS
- นายอภิสิทธิ์, นายกรณ์ และนางกานดี จากพรรคประชาธิปัตย์ แถลงเปิดตัว 27 นโยบาย โดยมีเป้าหมายหลักเพื่อแก้ปัญหาเศรษฐกิจและทำให้ "ไทยหายจน"
- ชูนโยบายแก้ปัญหาเศรษฐกิจที่เติบโตต่ำ หนี้ครัวเรือนสูง และคอร์รัปชัน โดยตั้งเป้าทำให้เศรษฐกิจเติบโตเหมือนในอดีต พร้อมสร้างความโปร่งใสและปราบทุจริต
- เสนอนโยบายสวัสดิการครอบคลุมทุกช่วงวัย เช่น เงินออมแม่และเด็ก, เรียนฟรี, ลดหย่อนภาษีคนทำงาน, เพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุเป็น 1,000 บาท และลดค่าไฟฟ้า
วันที่ 29 ธ.ค.2568 นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายกรณ์ จาติกวณิช และนางกานดี เลียวไพโรจน์ รองหัวหน้าพรรค ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี แถลงเปิด “4 เสาหลัก สู่ 27 นโยบาย” ตั้งเป้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจและทำให้ “ไทยหายจน”
นายกรณ์ จาติกวณิช กล่าวว่า ตลอด 15 ปีที่ผ่านมา เศรษฐกิจโลกและไทยเปลี่ยนแปลงอย่างมาก แต่เศรษฐกิจไทยกลับแทบไม่เติบโต แตกต่างจากช่วงที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นแกนนำรัฐบาลในปี 2551 ซึ่งต้องเผชิญวิกฤตแฮมเบอร์เกอร์ แต่สามารถพลิกฟื้นเศรษฐกิจจากติดลบ 2.3% ให้ฟื้นตัวได้ภายใน 1 ปี พร้อมขับเคลื่อนนโยบายสวัสดิการ เช่น เบี้ยผู้สูงอายุ และการลงทุนด้านคนรุ่นใหม่
ขณะที่ปัจจุบัน เศรษฐกิจไทยเติบโตเพียงราว 2% ตลาดหุ้นให้ผลตอบแทนแย่ติดอันดับโลก หนี้ครัวเรือนและหนี้สาธารณะเพิ่มสูง เศรษฐกิจไทยตกอันดับตามหลังอินโดนีเซียและเวียดนาม พร้อมปัญหาคอร์รัปชันที่บั่นทอนความเชื่อมั่น
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่สะสมตลอด 15 ปีทำให้ประเทศ “จนลง” หากได้เป็นรัฐบาล จะยึดเป้าหมายบ้านเมืองสุจริต เศรษฐกิจดี และลดความเหลื่อมล้ำ โดยย้ำว่าไม่มีประเทศใดพัฒนาได้ หากระบบไม่โปร่งใส การทุจริตทำลายทั้งเศรษฐกิจและสังคม หากเศรษฐกิจกลับมาเติบโตในระดับเดียวกับช่วงรัฐบาลประชาธิปัตย์ จะสร้างรายได้เพิ่มกว่า 6 แสนล้านบาท ทำให้ประชาชนมีเงินเพิ่มในกระเป๋า และรัฐมีงบเพียงพอขับเคลื่อนนโยบาย
นายอภิสิทธิ์ ยังชี้ว่าประเทศไทยต้องมีบทบาทเชิงรุกในเวทีอาเซียน เพื่อรับมือปัญหาข้ามพรมแดน ทั้งสแกมเมอร์ ยาเสพติด การค้ามนุษย์ และการแข่งขันของมหาอำนาจ พร้อมย้ำแนวคิด “คิดเลยพรมแดน” เพื่อเพิ่มอำนาจต่อรองของประเทศ
ในด้านบทบาทรัฐ พรรคประชาธิปัตย์เสนอให้รัฐทำ 3 เรื่อง คือ “ชี้ทาง เปิดทาง และเลิกขวางทาง” ด้วยนโยบายที่ชัดเจน โปร่งใส ปลดล็อกกฎระเบียบ และใช้ข้อมูลขนาดใหญ่กับเทคโนโลยี เช่น AI ปราบคอร์รัปชัน โดยเปิดข้อมูลจัดซื้อจัดจ้างและบัญชีทรัพย์สินให้ประชาชนตรวจสอบได้
นโยบายพลังงาน พรรคยืนยันสามารถลดค่าไฟได้โดยไม่ใช้งบประมาณ ผ่านโซลาร์เซลล์ สมาร์ตกริด เปิดการแข่งขันต้นทุนต่ำ พลังงานสะอาดจากประเทศเพื่อนบ้าน และนโยบาย “Made in Thailand First”
หากทั้ง 3 คนได้บริหารประเทศ เศรษฐกิจจะเติบโตอย่างน้อย 50% หนี้ครัวเรือนลดลง ดัชนีคอร์รัปชันดีขึ้น ต้นทุนโลจิสติกส์และการทำธุรกิจลดลง ตลาดทุนฟื้น และคุณภาพการศึกษาดีขึ้น เหมือนที่เคยทำได้ในอดีต
สำหรับวัยทำงาน มีนโยบายแก้เงินเฟ้อ ลดค่าไฟ เงินได้ 40,000 บาทแรกไม่เสียภาษี ส่วนผู้สูงอายุ ปรับเบี้ยเป็น 1,000 บาท และให้เงิน 50,000 บาท ปรับปรุงบ้านผู้สูงวัยอายุ 70 ปีขึ้นไป พร้อมบริการสุขภาพที่เข้าถึงง่าย
นอกจากนี้ พรรคยังเสนอการต่อยอดอุตสาหกรรมสุขภาพ ชีววิทยา และเทคโนโลยีอวกาศ เชื่อมเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้า และยกระดับไทยเป็นศูนย์กลางอาเซียน
นายอภิสิทธิ์ สรุปทิ้งท้าย ว่า 27 นโยบายครอบคลุม หายจนใจ หายจนปัญญา และหายจนตรอก พร้อมมอบเป็นของขวัญปีใหม่ 2569 ให้คนไทย ย้ำว่าทั้ง 3 คนเป็นทีมเดียวกัน คิดเป็น พูดเป็น และทำเป็น พร้อมขอการสนับสนุนจากประชาชน
ด้านนางกานดี เลียวไพโรจน์ ระบุว่า ประเทศไทยกำลังเผชิญ วิกฤตซ้อนวิกฤต ทั้งโครงสร้างประชากรที่คนเกิดน้อย คนสูงวัยเพิ่ม วิกฤตโลกร้อน และโลกแบ่งขั้วทางเศรษฐกิจจากกำแพงภาษีและเทคโนโลยีใหม่ ซึ่งส่งผลกระทบโดยตรงต่อค่าครองชีพ ค่าเงินบาท และโอกาสทางเศรษฐกิจของประชาชน
การสร้างพื้นที่โอกาสต้องเริ่มตั้งแต่เด็กอยู่ในครรภ์ มุ่งให้เข้าถึงการศึกษาที่มีคุณภาพ เลือกเรียนได้ตามความถนัด ตั้งแต่วันแรกเกิดจนมีงานทำ โดยคำนึงถึงความหลากหลายและความต้องการที่แตกต่างของประชาชน พร้อมเสนอนโยบายสนับสนุนการออมของแม่ในช่วงเลี้ยงดูบุตร ด้วยเงิน 5,000 บาทต่อเดือนในปีแรก รวม 65,000 บาท
สำหรับนโยบายคนวัยทำงาน จะเน้นรายได้ที่มั่นคง มีหลักประกันครอบครัว รัฐช่วยจ่ายส่วนต่างเพื่อลดผลกระทบเงินเฟ้อ ลดค่าไฟ และยกเว้นภาษีเงินได้สำหรับรายได้ 40,000 บาทแรก
ขณะเดียวกัน พรรคประชาธิปัตย์ยังออกแบบนโยบายขับเคลื่อนเศรษฐกิจใหม่ เพื่อต่อยอดอุตสาหกรรมเดิม โดยเฉพาะด้านสุขภาพและอาชีววิทยา ควบคู่การผลักดันเศรษฐกิจเทคโนโลยีอวกาศในอาเซียน เชื่อมโยงเทคโนโลยีกลับสู่ภาคเกษตร เพิ่มมูลค่าสินค้า และยกระดับไทยเป็นตัวกลางทางเศรษฐกิจของภูมิภาค


