ณัฐพงษ์มั่นใจ พรรคประชาชนรักษาแชมป์ กทม. กวาด สส. 33 เขต
ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน แสดงความเชื่อมั่นรักษาฐานเสียงกรุงเทพฯ ตั้งเป้าชนะ สส.ครบ 33 เขต ไม่หวั่น ปชป. ทวงพื้นที่ ชูผู้สมัครคัดเข้ม ปลอดทุนสีเทา พร้อมนโยบายแก้ปัญหาเร่งด่วนประเทศ
นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) นำทีมผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต ขึ้นรถเมล์พลังงานไฟฟ้าสีส้มแบบร้อน สกรีนข้อความ “เลือกตั้ง เลือกอนาคต” จากอาคารไทยซัมมิท ทาวเวอร์ มาที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 ศูนย์เยาวชนกรุงเทพมหานครไทย-ญี่ปุ่น (ดินแดง) เพื่อสมัครรับเลือกตั้ง สส.แบบแบ่งเขตเป็นวันแรก
นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า มีความมั่นใจและมีกำลังใจเต็มเปี่ยม เชื่อว่าเพื่อน ๆ ผู้สมัครทุกคนเข้ามาทำงานการเมืองเพื่อสร้างความเปลี่ยนแปลง ผู้สมัครทุกคนได้ผ่านการทำงานและกระบวนการคัดสรรมาอย่างเข้มข้น ไม่มีใครที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายทุนเทาและปัญหาอาชญากรข้ามชาติ เป็นภารกิจที่เราต้องทำร่วมกันคือเลือกตั้ง 8 ก.พ.นี้ เพราะเป็นภารกิจตัดสินอนาคตประเทศ ตัดสีเทาออกจากประเทศ ทำให้สังคมไทยมีความเท่าเทียมกัน
สำหรับการเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคประชาชนทำเต็มที่ใน 33 เขต เราจะหาเสียงอย่างเต็มที่ให้ได้รับความไว้วางใจและเป็นสีส้มทั้งกรุงเทพฯ เราไม่ประมาทและไม่เคยดูถูกเสียงของประชาชน เพราะไม่มีพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งเป็นเจ้าของ แม้จะพรรคประชาชนจะมีความมั่นใจว่าทั้งกรุงเทพฯ เป็นสีส้ม แต่ก็จะไม่ประมาท กำชับให้ผู้สมัครหาเสียงอย่างเต็มที่ในเวลาที่เหลืออยู่
นายณัฐพงษ์ กล่าวอีกว่า การทำงานที่ผ่านมาของ สส.กทม.พรรคประชาชน ให้เกิน 10 คะแนน เราทำงานการเมืองทั้งในและนอกสภาฯ ผลักดันกฎหมายหลายอย่างผ่านสภาผู้แทนราษฎรไปแล้ว แม้เราจะทำงานในพรรคฝ่ายค้านแต่ก็ไม่ได้อยู่เฉย ๆ ทำงานทุกอย่างตามอำนาจหน้าที่ที่มีเพื่อผลักดันสังคมไทยไปข้างหน้าให้ดีที่สุด
โดยนโยบายที่จะชูเป็นนโยบายหลักในการเลือกตั้งครั้งนี้คือ ปัญหาเฉพาะหน้าเร่งด่วน การขจัดเรื่องสีเทาจากประเทศ ปัญหาความมั่นคงชายแดน และภัยความมั่นคงใหม่ ๆ ทั้งเรื่อง Cyber Crime และการจัดการภัยพิบัติ
เราอาจจะคุ้นชินกับอุทกภัยที่เกิดขึ้นทุกปี แต่ไม่มีน้ำท่วมครั้งไหนที่ทำให้เกิดความสูญเสียอย่างที่ผ่านมา เรายังมีปัญหาเศรษฐกิจที่โตรั้งท้ายอาเซียนจากปัญหาทางการเมือง สังคมไทยขาดความเท่าเทียม ทุกอย่างเป็นภารกิจที่เราพร้อมเข้าไปบริหารประเทศ โดยทีมบริหารมืออาชีพ
นอกจากนี้ในเราจะมีการเปิดทีมบริหารที่ไม่ได้มาจากมุ้งใหญ่หรือทุนเทา ไม่มีหนี้บุญคุณต้องตอบแทนใคร ซึ่งเป็นเงื่อนไขสำคัญที่จะทำให้พรรคประชาชนเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดีที่สุดที่จะเข้าไปแก้ไขในทุกปัญหา
ส่วนชัยชนะครั้งที่แล้วถูกมองว่าเป็นกระแสสีส้มนั้น นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า กระแสที่เกิดขึ้นไม่ได้เกิดขึ้นจากพรรคส่วนกลาง แต่เกิดจากการทำงานแข่งขันกับผู้สมัครในพื้นที่ ทุกตำบล ทุกอำเภอ ทุกจังหวัด หากเราสามารถทำให้ประชาชนมีความเชื่อมั่นเชื่อใจในพรรคประชาชน กระแสภาพรวมทั้งประเทศจะเกิดขึ้นเอง ตนเองกำลังจะบอกว่าครั้งที่แล้วกระแสที่เกิดขึ้นที่ทำให้เราชนะการเลือกตั้งไม่ได้มาจากกระแสบนโซเชียลมิเดีย แต่เกิดจากการทำความเข้าใจการทำงานอย่างหนักในพื้นที่ของผู้สมัครมากกว่า
ส่วนการเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส. 10 คนนั้น หลายคนยังทำงานร่วมกับพรรคต่อไป แต่ย้ายไปลงบัญชี เช่น นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ ซึ่งเราบริหารความเสี่ยงดีที่สุด การเปลี่ยนตัวผู้สมัครไม่ได้ทำให้พวกเรามีอุปสรรคกลับกลายเป็นว่าเราได้ผู้สมัครที่เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถเป็นตัวเลือกที่ดีไม่แพ้กันหรือดีมากยิ่งขึ้นให้กับประชาชนกรุงเทพฯ
นายณัฐพงษ์ กล่าวด้วยว่า วันนี้ไม่ได้ถือฤกษ์งามยามดี แต่ทุกวินาทีเป็นเวลาที่มีคุณค่ามากที่สุดที่เราต้องทำให้ประชาชนเห็น เชื่อใจและเชื่อมั่น พรรคประชาชนนอกจากการเปิดตัวนโยบายไปแล้วและมีการเปิดโฉมหน้าผู้สมัคร สส.กทม. 33 เขต ก็ยังได้ส่งแกนนำไปร่วมส่งใบสมัครกับผู้สมัครในแต่ละจังหวัด ซึ่งหลังจากนี้จะมีการเปิดตัวทีมบริหาร เพื่อจะได้เห็นว่าพรรคประชาชนเอาจริงกับการเลือกตั้งครั้งนี้ พร้อมตัดสินอนาคตประเทศ พาประเทศไทยไปข้างหน้า
เมื่อถามถึงพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) แชมป์เก่า กทม.เตรียมทวงคืนพื้นที่ นายณัฐพงษ์ กล่าวว่า ไม่กังวลเพราะมั่นใจในการทำงานของทีมพรรคประชาชน


