เอกนัฏ มั่นใจทีมกทม.ภูมิใจไทย ชูนโยบายพูดแล้วทำ ลุยสนามเมืองหลวง
เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ แสดงความเชื่อมั่นผู้สมัคร ส.ส.กทม.ทั้ง 33 เขต ชูนโยบายพูดแล้วทำ มีทีมบริหารชัด เน้นลดค่าไฟ คนละครึ่งพลัส และคืนความหวังให้คนกรุงเทพฯ
KEY
POINTS
- นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ แสดงความมั่นใจในทีมผู้สมัคร ส.ส. กทม. ของพรรคภูมิใจไทย โดยส่งผู้สมัครลงครบทั้ง 33 เขต
- ชูแนวคิด "พูดแล้วทำพลัส" เน้นนโยบายที่ทำได้จริงและมีผลงานพิสูจน์ได้ พร้อมประกาศทีมบริหารล่วงหน้า
- ตั้งเป้าแบ่งเบาภาระคนกรุงเทพฯ และสร้างความหวังให้เป็นจริงผ่านนโยบายที่เป็นรูปธรรม เช่น ลดค่าไฟฟ้า และดูแลผู้สูงอายุ
เมื่อเวลา 06.29 น. วันที่ 27 ธันวาคม 2568 ที่อาคารกีฬาเวสน์ 2 พรรค พรรคภูมิใจไทย นำโดย ศุภมาส อิศรภักดี เหรัญญิกพรรคและหัวหน้าทีมกรุงเทพมหานคร พร้อมด้วย เอกนัฏ พร้อมพันธุ์ และนายเกรียงยศ สุดลาภา ผู้รับผิดชอบการเลือกตั้งพื้นที่ กทม. นำทีมผู้สมัคร ส.ส.กรุงเทพฯ ครบทั้ง 33 เขต เข้าสมัครรับเลือกตั้งอย่างพร้อมเพรียง
นายเอกนัฏให้สัมภาษณ์ถึงความมั่นใจในสนามเลือกตั้งกรุงเทพฯ ว่า พรรคมีความเชื่อมั่นในผู้สมัครทุกคนที่ผ่านการคัดเลือกมาอย่างรอบคอบ โดยย้ำว่าไม่อยากใช้คำว่า “มั่นใจ” เพียงอย่างเดียว แต่ยืนยันว่าพรรคมาพร้อมความตั้งใจ มีของดีและมีนโยบายที่บอกชัดว่าจะทำอย่างไร ไม่ใช่แค่การประกาศนโยบายลอย ๆ พร้อมยกตัวอย่างผลงานช่วง 73 วันที่ผ่านมา ที่หลายเรื่องเริ่มเดินหน้าแล้ว ทั้งมาตรการคนละครึ่งพลัส และการแก้ไขปัญหาชายแดน
เขาระบุว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ พรรคภูมิใจไทยชูแนวคิด “พูดแล้วทำพลัส” โดยหนึ่งในจุดเด่นคือการประกาศชัดว่าใครจะมารับตำแหน่งใดหลังเลือกตั้ง รวมถึงตำแหน่งรองนายกรัฐมนตรีและภารกิจที่ต้องดูแล ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ไม่ค่อยเกิดขึ้นบ่อยในประวัติศาสตร์การเมืองไทย
เมื่อถูกถามถึงการประเมินว่าพรรคภูมิใจไทยอาจสามารถเจาะพื้นที่กรุงเทพฯ ได้ นายเอกนัฏกล่าวขอบคุณสำหรับความเชื่อมั่น พร้อมย้ำว่าโอกาสต้องสร้างด้วยการทำงาน ทุกคนที่ลงสนามต้องทำเต็มที่ โดยพรรคได้กำชับผู้สมัครว่า หลังได้หมายเลขแล้วให้ไปสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงช่วงสั้น ๆ ก่อนลงพื้นที่ทันที เพื่อสื่อสารนโยบายและพบปะประชาชนอย่างต่อเนื่อง
สำหรับคำถามว่าคนกรุงเทพฯ จะได้อะไรจากพรรคภูมิใจไทย นายเอกนัฏกล่าวว่า ถึงเวลาที่คนกรุงเทพฯ ไม่ควรต้องแบกรับภาระของประเทศเพียงฝ่ายเดียว พรรคต้องการช่วยแบ่งเบาภาระดังกล่าว และสิ่งสำคัญที่สุดคือ “ความหวัง” โดยมองว่าช่วงการบริหารที่ผ่านมาเป็นการเปิดอุโมงค์ และเป้าหมายต่อจากนี้คือทำให้ความหวังกลายเป็นความจริง ผ่านนโยบายอย่างการลดค่าไฟฟ้า คนละครึ่งพลัส และการดูแลผู้สูงอายุ
ด้านเป้าหมายจำนวนที่นั่ง ส.ส.กรุงเทพฯ น.ส.ศุภมาสกล่าวว่า พรรคมีการตั้งเป้าไว้แล้ว แต่ยังไม่ขอเปิดเผยในขณะนี้ ขอให้ผู้สมัครลงพื้นที่นำเสนอนโยบายให้ประชาชนรับทราบก่อน จากนั้นจะมีการประเมินอย่างเป็นทางการ พร้อมย้ำว่า พรรคภูมิใจไทยไม่ได้ขับเคลื่อนด้วยบุคคลใดคนหนึ่ง แต่ทำงานเป็นทีม โดยได้ประกาศล่วงหน้าแล้วว่า หลังเลือกตั้งใครจะเป็นทีมบริหารบ้าง
“การลงเลือกตั้ง เราไม่ได้คิดเรื่องแพ้ แต่ต้องคิดว่าจะชนะอย่างไร และทำให้ดีที่สุด เราไม่ได้แข่งกับคนอื่น แต่แข่งกับตัวเอง” น.ส.ศุภมาสกล่าว


