posttoday

อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สวนเดือด พรรคดีแต่พูด ดีเบตเอาดีใส่ตัว

24 ธันวาคม 2568

อนุดิษฐ์ นาครทรรพ สวนกลับพรรคการเมืองที่ออกหน้าเวทีดีเบต เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งที่อดีตพรรคตนเองยังเต็มไปด้วยคำถามที่ไร้คำตอบ จนอดตั้งข้อสงสัยไม่ได้ว่าเป็นความเชื่อจริงหรือแค่การตลาดทางการเมือง

KEY

POINTS

  • น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ วิจารณ์พรรคการเมืองหนึ่งว่าเป็นพรรค "ดีแต่พูด" ซึ่งใช้เวทีดีเบตเพื่อสร้างภาพให้ตนเองดูดีและกล่าวโทษผู้อื่น
  • เขาได้ยกตัวอย่างพฤติกรรมในอดีตของพรรคดังกล่าว เช่น การบริหารเศรษฐกิจที่ล้มเหลว การตระบัดสัตย์ทางการเมือง และการมีส่วนเกี่ยวข้องกับความรุนแรงทางการเมือง
  • อนุดิษฐ์มองว่าการกระทำของพรรคนี้เป็นเพียง "การตลาดทางการเมือง" เพื่อดึงคะแนนเสียง โดยไม่ยอมรับความผิดพลาดในอดีตและสร้างความแตกแยก

เมื่อวันที่ 24 ธ.ค.2568 น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ ประธานยุทธศาสตร์พรรคกล้าธรรม โพสต์เฟซบุ๊ก ส่วนตัวระบุว่า การเมืองที่ดี ต้องพาประเทศไปข้างหน้า ไม่ใช่พากลับไปซ้ำรอยเดิม ก่อนจะเชื่อคำพูดสวย ๆ บนเวทีดีเบต ลองหยุดคิดสักนิดว่าพรรค #ดีแต่พูด …เคยทำอะไรไว้กับประเทศนี้บ้าง

พรรคที่เคยเรียกร้อง “การปฏิวัติ” แทนการแก้ปัญหาในระบบรัฐสภา พรรคที่เคยเป็นรัฐบาลในช่วงเหตุการณ์รุนแรงกลางเมืองหลวง มีประชาชนเสียชีวิต แต่ไม่เคยแสดงความรับผิดชอบทางการเมืองอย่างแท้จริง พรรคที่ทำให้คำว่า ปฏิรูปที่ดิน กลายเป็นตราบาป เอาที่ดินหลวงไปอยู่ในมือคนรวย พรรคที่บริหารเศรษฐกิจล้มเหลว จนต้องขายหนี้ ขายทรัพย์สินของคนไทยให้ต่างชาติในราคาถูก 

พรรคที่ “ตระบัดสัตย์ทางการเมือง” พูดอย่างหนึ่ง แต่ทำอีกอย่าง เมื่อถึงเวลาจริง พรรคที่มีคดีทุจริตซื้อเสียง สมาชิกบางคนติดคุก พรรคที่ยุบสภา หนีการลงมติไม่ไว้วางใจ คำถามคือ พรรคแบบนี้ มีสิทธิ์สอนใครเรื่องคุณธรรมทางการเมืองจริงหรือ ? การเมืองควรสร้าง ความสามัคคี ไม่ใช่ใช้ความแตกแยกเป็นเครื่องมือ น่าแปลกที่ทุกครั้งที่พรรคการเมืองลักษณะนี้ได้เป็นรัฐบาล ประเทศจะเจอ “วิกฤติ” และ “ความขัดแย้ง” เสมอ และเมื่อไม่ได้เป็นรัฐบาล ก็เลือกใช้ “วิธีนอกระบบ” ปลุกกระแส ปลุกอารมณ์ เป่านกหวีด ซ้ำแล้วซ้ำเล่า

วันนี้ เราเห็นอดีตผู้นำพรรคคนเดิม กลับมาออกหน้าดีเบต เอาดีใส่ตัว เอาชั่วใส่คนอื่น ทั้งที่ประวัติของพรรคตัวเอง เต็มไปด้วยคำถามที่ยังไม่เคยมีคำตอบ จึงอดสงสัยไม่ได้ว่า นี่คือความเชื่อจริง ๆ หรือเป็นเพียง “การตลาดทางการเมือง” เพื่อวัดกระแส เพื่อแย่งฐานผู้มีสิทธิเลือกตั้งจากพรรคสีอื่น โดยเฉพาะกลุ่มคนรุ่นใหม่? ถ้านี่คือแผนที่วางไว้ บอกตรง ๆ ว่า น่าสมเพช เพราะมันไม่ใช่การเมืองที่พาประเทศไปข้างหน้า แต่คือการเอาอดีตที่ล้มเหลว มารีแบรนด์ใหม่  

แค่อยากแนะนำท่านว่า ประเทศไทยไม่ต้องการนักการเมืองที่ “ดีแต่พูด”แต่ต้องการนักการเมืองที่ กล้ายอมรับอดีต และไม่ทำให้มันเกิดซ้ำขึ้นอีก ไม่เชื่อกันก็ไม่เป็นไรครับ(ขอบคุณกราฟฟิคจากโลกออนไลน์ครับ)

แหล่งที่มา : น.อ.อนุดิษฐ์ นาครทรรพ  (คลิ๊กอ่าน)
 

ข่าวล่าสุด

ทำไม SME ยุคก่อนกลัวเจ๊ง แต่ยุคนี้คิดนานเท่ากับขายไม่ได้