เปิดใจ ไหม ศิริกัญญา แคนดิเดตนายกฯหญิง พรรคปชน. ลุยเลือกตั้งใหม่
จับตาเลือกตั้งใหม่คดี44สส.ตัวแปร กระทบทิศทางพรรคประชาชนและไหม ศิริกัญญา แคนดิเดตนายกหญิง ในช่วงเปลี่ยนผ่านการเมืองไทยปัจจุบัน
KEY
POINTS
- ศิริกัญญา ตันสกุล เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีลำดับที่ 2 ของพรรคประชาชน และยืนยันความพร้อมในการทำหน้าที่หากเกิดเหตุฉุกเฉิน
- พรรคประชาชนตั้งเป้าหมายในการเลือกตั้งครั้งหน้าไว้ที่ 250 ที่นั่ง แต่ยอมรับว่าคดีที่ สส. 44 คนถูก ป.ป.ช. กล่าวหาอาจส่งผลกระทบต่อความเชื่อมั่น
- รับกังวลว่าการชิงยุบสภาก่อนกำหนดอาจทำให้กระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหยุดชะงัก และเรียกร้องให้นายกฯ ทำตามข้อตกลง MOA ให้สำเร็จ
น.ส. ศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ในรายการ " PostTalk " โดยกล่าวถึงความพร้อมหลังจากถูกเสนอชื่อให้เป็น1ใน3แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนว่า จริงๆแล้วตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี ลำดับที่ 2 ของพรรค ซึ่งหมายความว่า หากมีอะไรเกิดขึ้นกับ นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรค แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคประชาชนก่อน ซึ่งหากให้พูดถึงความพร้อมของตนเองตอนนี้ก็ยอมรับว่ายังมีความพร้อมไม่เท่ากับนายณัฐพงษ์ แต่หากมีเหตุฉุกเฉินหรือเกิดอุบัติเหตุอะไรขึ้นตนเองก็พร้อมที่จะเดินหน้าทำงานในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้ แต่ในส่วนของกระบวนการทำงานต่างๆที่ผ่านมาเรามำงานกันแบบทีมเวิร์คมาตั้งแต่ต้น เพราะฉะนั้นก็เหมือนเป็นแค่การสลับตำแหน่งกันเท่านั้น ส่วนเรื่องอื่นๆเราก็มีการเตรียมความพร้อมมาโดยตลอด ไม่ว่าจะเรื่องของนโยบายที่เราจะนำไปใช้ในการบริหารราชการเมื่อเราชนะเลือกตั้ง และที่ผ่านมาเราก็ทำงานกันอย่างเข้มข้น
นอกจากนี้ น.ส. ศิริกัญญา เปิดเผยว่ามีตัวเองมี อังเกลา แมร์เคิล อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงของเยอรมนี เป็นไอดอลทางการเมือง ถึงแม้ว่าอุดมการณ์ทางการเมืองจะไม่ตรงกัน แต่ทำอะไรมีความน่าไว้วางใจสูง ตรงไปตรงมาคาดหวังพึ่งได้ในยามที่เกิดวิกฤตต่างๆ จึงมองเป็นแบบอย่าง
ส่วนตอนนี้พรรคประชาชนยังมั่นใจในฐานเสียงเดิมของพรรคอยู่หรือไม่ หลังจากที่การเลือกตั้งที่ผ่านมาเป็นพรรคที่ได้รับการโหวตเป็นอันดับที่ 1 และตอนนี้ก็ยังมีในเรี่องของ คดีที่สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) จำนวน 44 คนจาก พรรคก้าวไกล (เดิม)ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหาว่า ฝ่าฝืนมาตรฐานทางจริยธรรมร้ายแรง จากกรณีที่ ร่วมเสนอแก้ไขประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 ป.ป.ช.นั้นอยู่ตอนนี้นั้น โดยน.ส. ศิริกัญญา ระบุว่าในการประเมินนั้น ไม่มีโหวตเตอร์ที่เป็นของใครอยู่แล้ว และเราไม่เคยเห็นว่าประชาชนเป็นของตายหรือเป็นฐานเสียงของเราตลอด และเราก็คงจะต้องมองหาฐานเสียงใหม่ๆ เพราะการตั้งเป้าหมายของเราในการเลือกตั้งครั้งนี้ค่อนข้างสูง ต้องได้ถึง 250 เสียงในสภา ซึ่งนั้นหมายความว่าจะต้องได้ประมาณ 20ล้านเสียงซึ่งเราก็ต้องทำงานอย่างหนักและเข้มข้นเพื่อให้ได้คะแนนเสียงนั้นมา เพิ่มจากเดิมอีก 6 ล้านเสียง
ส่วนกรณีที่ตนเองและนายณัฐพงษ์ 2 ใน 3 แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคประชาชนนั้นก็มีรายชื่อยู่ใน จำนวน สส. 44 คนจาก พรรคก้าวไกล (เดิม) ที่ถูกคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตั้งข้อกล่าวหานั้น หากว่ากันตามเนื้อผ้า หรือความผิดต่างๆเราสามารถที่จะชี้แจงกับ ป.ป.ช.ได้อย่างหมดจดครบถ้วน แต่ในข้อกล่าวหาต่างๆที่ป.ป.ช. ยื่นมานั้นเราไม่ได้มีความผิดตามนั้น
“เราก็รู้กันดีว่าระบบขององค์กรอิสระหรือว่ากระบวนการยุติธรรมในประเทศไทยมันมีความเอาแน่เอานอนไม่ได้อยู่ค่อนข้างสูง เพราะฉะนั้นเราก็ต้องเตรียมความพร้อมที่จะรองรับกับสถานการณ์ต่างๆด้วย ถ้าเหตุการณ์เกิดพลิกผันไม่ได้เป็นไปอย่างที่คาด ก็ต้องมีแผนสำรองเอาไว้ ” น.ส. ศิริกัญญา กล่าว
ทั้งนี้หากเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองขึ้นมาจริงๆก็ยอมรับว่าคงกระทบต่อการเลือกตั้งของพรรคประชาชน เพราะรอบนี้จำนวน สส. 44 คนจาก พรรคก้าวไกล มี จำนวน 25 คนที่เป็นสส.ในสมัยปัจจุบัน แต่อย่างไรก็ตามเราก็ยังเชื่อในความบริสุทธิ์ของเรามองว่านี้เป็นอุปสรรคเล็กๆน้อยๆ อาจทำให้เสียความเชื่อมั่นจากประชาชนไปบ้าง แต่หน้าที่ของ สส.ที่ต้องเผชิญชะตากรรมแบบนี้ก็จะต้องลงไปอธิบายเหตุผลให้ประชาชนเข้าใจไม่เกิดกังวลเมื่อสมัครเลือกตั้งแล้วก็จะได้เดินหน้าได้อย่างมั่นใจ
โดยเมื่อถามถึงท่าทีของพรรคภูมิใจไทย ในขณะนี้หลังจากที่ทำ MOA ร่วมระหว่างพรรคประชาชนและพรรคภูมิใจไทย ทั้งเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญ และการเพิ่มจำนวนสส.ในพรรคอย่างต่อเนื่อง ขณะนี้เป็นอย่างไรนั้นโดย น.ส. ศิริกัญญา มองว่า ขณะนี้ได้มีการเดินหน้าตามที่เรากำหนดเอาไว้ทั้งเรื่องการแก้รัฐธรรมนูญที่เร่งทำกันอย่างเต็มกำลังในส่วนของกรรมาธิการ ฝั่งพรรคประชาชน เพราะเราทราบว่าหากมีการเปิดประชุมวิสามัญขึ้นก่อนเปิดประชุมสามัญในวันที่ 12 ธ.ค.2568 เราก็อยากที่จะเร่งทำให้เสร็จทันเพื่อที่จะนำไปพิจารณาในวาระที่ 2 และหากเป็นไปตามกำหนดในวาระที่ 3 ก็คาดว่าน่าจะแล้วเสร็จปลายปีนี้ ตามไทม์ไลน์ที่เราวางไว้ ส่วนรายละเอียดที่จะทำให้รัฐธรรมนูญฉบับแก้ไขจะได้รับการยอมรับจากทุกฝั่งทุกฝ่ายนั้นอาจต้องใช้วิธีการประนีประนอมในส่วนของเนื้อหาและหลักการไม่ได้เลือกตั้งส.ส.ร.อย่างที่เราคาดหวังไว้แต่เราก็พยายามทำอย่างเต็มที่ส่วนเรื่องเงื่อนไขระยะเวลาในการยุบสภาและการแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นตอนนี้ก็ยังเป็นไปตามที่กำหนดเอาไว้ส่วนเรื่องการหาสส.เพิ่มของพรรคภูมิใจไทย ก็คงจะต้องมีการพูดคุย แต่ขณะนี้ก็ยังไม่ถือว่าเป็นเสียงข้างมากในสภา ยังถือว่ายังอยู่ในเกณฑ์ที่เราวางเอาไว้ และเราก็ยังติดตามในเรื่องนี้อยู่
ขณะเดียวกันน.ส.ศิริกัญญากล่าวยอมรับว่ากังวลเรื่องของการเบรกกระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญหากมีการชิงยุบสภาก่อนกำหนดและต้องยอมรับว่าการอภิปรายไม่ไว้วางใจคือเครื่องมือที่สำคัญที่สุดของเราในการบังคับใช้ MOA อย่างไรก็ตามหากมีพรรคฝ่ายค้านอื่นๆ ที่มีเสียงเพียงพอในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลเราก็คงห้ามไม่ได้และต้องส่งเสียงไปยังนายกรัฐมนตรีว่าต้องไม่หนีการซักฟอกเพราะว่ามันไม่จำเป็นว่าทุกครั้งที่มีการอภิปรายไม่ไว้วางใจจะต้องจบด้วยการยุบสภาก่อนล่วงหน้าจึงขอให้มีการเดินหน้าเข้าสภาผ่านกระบวนการซักฟอกแต่โดยดีเพราะหากนายกรัฐมนตรีไม่ชิงยุบสภาก่อนความหวังเรื่องของการแก้รัฐธรรมนูญก็ยังคงมีอยู่แม้จะมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจึงขอเรียกร้องไปยังนายกรัฐมนตรีว่าอย่าเป็น“ผู้รับเหมาทิ้งงาน”เรื่องที่ตกลงกันไว้ก็ต้องสานต่อให้จบก่อนยุบสภา ซึ่งหากชิงยุบสภาก่อนก็ถือว่าผิด MOA และก็ขอให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่าการผิดข้อตกลง MOA มันดีไม่ดีอย่างไร
อย่างไรก็ตามหากพรรคเพื่อไทยทำการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลจริงพรรคประชาชนเองเราก็กำลังดูอยู่ ณ ขณะนี้เพราะเราเองก็มีลิสต์รัฐมนตรีที่เราคิดว่ามีความผิดที่อาจนำไปสู่การอภิปรายรายบุคคลซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการเจรจาระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาชนว่าจะออกมาเป็นแบบใด


