posttoday

รัฐบาลอนุทินใช้วิกฤตน้ำท่วมใต้กดดันฝ่ายค้านไม่ให้ซักฟอก

01 ธันวาคม 2568

สัญญาณยุบสภาถูกส่งชัดจากพรรคภูมิใจไทย ท่ามกลางมหาอุทกภัยภาคใต้ รัฐบาลอนุทินถูกมองใช้สถานการณ์กดดันฝ่ายค้านไม่ให้ยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ

KEY

POINTS

  • รัฐบาลโดยพรรคภูมิใจไทยขู่จะยุบสภาทันทีหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ โดยใช้วิกฤตน้ำท่วมภาคใต้เป็นเงื่อนไขในการกดดัน
  • คำขู่ยุบสภามีน้ำหนักเนื่องจากพรรคภูมิใจไทยมีความพร้อมสูงสุดสำหรับการเลือกตั้ง ทั้งในด้านบุคลากรและโครงสร้างพรรค
  • เป้าหมายของรัฐบาลคือการหลีกเลี่ยงการถูกซักฟอกในสภา เพื่อป้องกันไม่ให้ฝ่ายค้านใช้เป็นเวทีโจมตีการทำงานก่อนการเลือกตั้ง

วิกฤตน้ำท่วมใต้:ฉากเกมการเมืองใหม่รัฐบาล 

มหาอุทกภัยในพื้นที่สงขลา อ.หาดใหญ่และอีกหลายจังหวัดในภาคใต้ยังอยู่ในช่วงการเร่งช่วยเหลือและฟื้นฟู แต่ท่ามกลางสถานการณ์ที่ผู้คนกำลังประสบความเดือดร้อน รัฐบาลกลับถูกจับตาว่าอาจกำลังวาง “เงื่อนไขทางการเมือง” ควบคู่ไปด้วย โดยต้นทางมาจากท่าทีของพรรคภูมิใจไทย (ภท.) ที่ส่งสัญญาณชัดว่าการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจจากฝ่ายค้าน จะถูกตอบโต้ทันทีด้วย “การยุบสภา” เพื่อปิดเกมก่อนเข้าสู่การซักฟอกในสภา

ถ้อยคำของนายโสภณ ซารัมย์ รองนายกรัฐมนตรี และสส.บุรีรัมย์ พรรคภูมิใจไทย ย้ำจุดยืนดังกล่าวอย่างตรงไปตรงมาเมื่อถูกถามถึงความเป็นไปได้ในการยุบสภาท่ามกลางช่วงน้ำท่วม นายโสภณระบุว่า พรรคไม่ได้ “เอาน้ำท่วมมาเป็นเหตุผล” แต่เป็นเงื่อนไขที่ประกาศไว้ก่อนแล้ว พร้อมย้ำประโยคสำคัญว่า “ถ้ายื่นอภิปราย พวกผมก็ยุบ”ซึ่งสะท้อนทิศทางการเมืองที่รัฐบาลพร้อมเดินหน้าอย่างไม่ลังเล หากฝ่ายค้านเลือกเปิดเกมโจมตี

นายโสภณอธิบายด้วยว่า หากเกิดผลกระทบต่อภาพลักษณ์รัฐบาลในช่วงน้ำท่วม ก็เป็นผลจากผู้ที่ยื่นญัตติไม่ไว้วางใจในสถานการณ์ไม่เหมาะสม ไม่ใช่ความผิดของฝ่ายบริหาร เขายังชี้ว่าหากต้องเปลี่ยนสถานะเป็นรัฐบาลรักษาการ รัฐบาลยังสามารถเดินหน้าฟื้นฟูพื้นที่ภาคใต้ต่อได้ตามกรอบอำนาจ แม้บางภารกิจอาจชะลอเป็นธรรมดาตามข้อจำกัดกฎหมาย แต่การช่วยเหลือประชาชนจะไม่หยุดลงอย่างแน่นอน

รัฐบาลอนุทินใช้วิกฤตน้ำท่วมใต้กดดันฝ่ายค้านไม่ให้ซักฟอก

สัญญาณยุบสภา:การจัดทัพเลือกตั้งที่พร้อมสมบูรณ์ 

สัญญาณยุบสภาไม่ได้ปรากฏเพียงผ่านคำให้สัมภาษณ์ของนายโสภณเท่านั้น แต่ยังมาจากท่าทีของนายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ซึ่งประกาศอย่างชัดเจนก่อนหน้านี้ว่า หากฝ่ายค้านยื่นญัตติไม่ไว้วางใจตามมาตรา 151 แบบ “ลงมติ” และรัฐบาลแพ้ ถือเป็นการ “ประหารชีวิตทางการเมือง” และนายกรัฐมนตรีจะยุบสภาทันทีในเดือนธันวาคม โดยไม่รอให้ครบกำหนดวันที่ 31 มกราคมตามปฏิทินเดิมของสภา

การเปิดหน้าการเมืองเช่นนี้เกิดขึ้นควบคู่กับการจัดทัพภายในของพรรคภูมิใจไทยที่มีความพร้อมสูงสุดต่อสถานการณ์เลือกตั้ง พรรคได้เปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีครบทั้งสามราย ได้แก่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายเอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ รองนายกรัฐมนตรี รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง และนางศุภจี สุธรรมพันธุ์  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ พร้อมประกาศว่าพร้อมรับการไหลเข้ามาของผู้สมัครจากหลายกลุ่มในทุกสัปดาห์ รวมถึงฐานการเมือง “บ้านใหญ่” ที่ทยอยเข้าร่วมอย่างต่อเนื่อง

โครงสร้างพรรค ภท. จึงถูกมองว่าพร้อมสำหรับการเลือกตั้งฉับพลัน ทั้งในด้านงบประมาณ กำลังคน และการจัดการภายใน ทำให้คำขู่เรื่องการยุบสภาไม่ได้เป็นเพียงแรงกดดันทางวาทกรรม แต่เป็น “ทางเลือกจริง” ที่มีการเตรียมพร้อมรองรับแล้วทุกมิติ นอกจากนี้ รัฐบาลยังพยายามรักษาภาพของการเป็นฝ่ายถูกกดดัน โดยชี้ว่าการยื่นญัตติในช่วงน้ำท่วมจะสะท้อนถึงความไม่ใส่ใจของฝ่ายค้านต่อความเดือดร้อนประชาชน
 

รัฐบาลอนุทินใช้วิกฤตน้ำท่วมใต้กดดันฝ่ายค้านไม่ให้ซักฟอก

ข้อถกเถียงกฎหมาย–เดิมพันปิดประตูซักฟอก ความเสี่ยงการเมือง

อีกด้านหนึ่ง การยุบสภาเพื่อหลีกเลี่ยงการอภิปรายไม่ไว้วางใจทำให้เกิดข้อถกเถียงในประเด็น “ขีดจำกัดอำนาจนายกฯ” ตามกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 151 แบ่งออกเป็นสองแนวทางตีความสำคัญ ได้แก่ แนวแรกที่เชื่อว่าอำนาจนายกฯ จะถูกระงับทันทีเมื่อมีการยื่นญัตติ ขณะที่อีกฝ่าย โดยเฉพาะความเห็นของศ.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ ชี้ว่าอำนาจยุบสภาจะถูกระงับก็ต่อเมื่อญัตติได้รับการตรวจสอบและบรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมอย่างเป็นทางการเท่านั้น

ความต่างในตีความนี้มีผลสำคัญต่อ “จังหวะเวลา” ของรัฐบาลอนุทิน เพราะหากประธานสภายังไม่บรรจุญัตติ รัฐบาลก็ยังคงมีช่องว่างในการยุบสภาได้ทันที การเร่งยุบสภาจึงถูกมองว่าเป็นยุทธศาสตร์ “ปิดประตูซักฟอก” เพื่อไม่ให้ฝ่ายค้านมีเวทีโจมตี เปิดแผลใหม่ หรือฉายซ้ำประเด็นอ่อนไหวที่อาจใช้เป็นอาวุธหาเสียงในสนามเลือกตั้ง เช่น คลิปเสียง ข้อบกพร่องการบริหาร หรือข้อครหาที่สะสมระหว่างวิกฤตน้ำท่วม

อย่างไรก็ดี การยุบสภาท่ามกลางสถานการณ์อุทกภัยอาจสร้างความเสี่ยงทางการเมืองไม่น้อย เพราะแม้รัฐบาลจะย้ำว่าการช่วยเหลือประชาชนยังเดินหน้าได้ในสถานะรักษาการ แต่สังคมอาจตั้งคำถามถึงความเหมาะสม การจัดลำดับความสำคัญ และการใช้วิกฤตเป็นเครื่องมือในเกมอำนาจ หากมุมมองนี้ขยายตัว อาจกระทบต่อคะแนนนิยมของรัฐบาลเองในพื้นที่ใต้ ซึ่งเป็นสมรภูมิสำคัญของหลายพรรคการเมือง
 

ข่าวล่าสุด

บุกอาณาจักร "MELAND" สวนสนุกธีมเทพนิยายกว่า 5 พัน ตร.ม. ใจกลางกรุง