‘บวรศักดิ์’ ย้ำ! ยื่นซักฟอก ยุบสภาไม่ได้ เตือน 'วันนอร์' อย่าผิดข้อบังคับ
'บวรศักดิ์' เตือน 'วันนอร์' ยื่นญัตติซักฟอก ม.151 แล้ว ต้องตรวจสอบความถูกต้องตามข้อบังคับสภา ก่อนบรรจุวาระ-แจ้งนายกฯ เหตุ ยื่นแล้วยุบสภาไม่ได้
นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร ระบุหากฝ่ายค้านยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ม.151 นายกรัฐมนตรีจะไม่สามารถใช้อำนาจยุบสภาได้ ว่า ความจริงประธานสภาฯก็เป็นคนเจนสภา ท่านไม่ได้เป็นประธานสภาฯครั้งแรก
ท่านเป็นประธานสภาฯมาตั้งแต่ปี 40 และเป็นมาหลายครั้ง ครั้งหลังสุดที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลน.ส.แพทองธาร ชินวัตร มันมีปัญหาว่าญัตตินั้นไม่ถูกต้อง เพราะไปพูดถึงคนนอกคือนายทักษิณ ชินวัตร บิดาของนายกฯ ท่านก็ไม่ยอมรับญัตตินั้นและไม่บรรจุ ใช้เวลาอยู่หลายวันที่ฝ่ายค้านต้องไปแก้ นั่นคือทางปฏิบัติที่ทำกันมา
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ข้อบังคับการประชุมสภาเขียนไว้ชัดในข้อ 176 เมื่อ ประธานสภาฯ ได้รับญัตติไม่ไว้วางใจแล้วให้ทำการตรวจสอบ หากมีข้อบกพร่องให้ประธานสภาฯแจ้งให้ผู้เสนอญัตติทราบภายใน7วันนับแต่วันที่ได้รับญัตติ และในวรรคสองระบุว่า เมื่อประธานสภาฯ ตรวจสอบความถูกต้องของญัตติแล้วให้บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องเร่งด่วนและแจ้งให้นายกฯ ทราบ แปลว่าต้องมีการตรวจสอบว่าญัตตินั้น ครบถ้วนถูกต้องสมบูรณ์หรือไม่ ทำกันอย่างนี้มาจนถึงรัฐบาลที่แล้ว พอมาถึงรัฐบาลนี้บอกว่าไม่ได้ ฝ่ายค้านยื่นแล้วยุบสภาไม่ได้เลย ด้วยความเคารพ ตนคิดว่าไม่ถูกต้อง เพราะรัฐธรรมนูญเขียนเอาไว้ชัด ใน ม.151 วรรคสอง ว่าเมื่อมีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาไม่ได้ เว้นแต่มีการถอนญัตติ หรือการลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่งตามวรรคสี่
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ความจริงตนเขียนมาตรานี้เองในรัฐธรรมนูญปี40 ก่อนหน้านั้นตั้งแต่ปี 2475-2534 ไม่มีบทบัญญัติห้ามยุบสภาทั้งที่มีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจแล้ว เพราะเคยเกิดเหตุการณ์ขึ้นในปี38 มีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ ครม.ทั้งคณะและมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจในวันที่ 17-18 ธ.ค.38 เรื่อง สปก. 4-01 เมื่ออภิปรายเสร็จสิ้นลง พรรคการเมืองร่วมรัฐบาลพรรคหนึ่งประกาศงดออกเสียงในการลงมติ และรัฐมนตรีพรรคนั้นจะถอนตัวทั้งหมด เป็นเหตุให้นายกรัฐมนตรีในเวลานั้นยุบสภาตอนเวลา 12.00 น. ของวันที่ 19 ธ.ค.38 หรือ1ชั่วโมงครึ่งก่อนการลงมติในเวลา 13.30 น. เป็นเหตุให้สภาผู้แทนราษฎรในเวลานั้นไม่สามารถลงมติได้ ตนจึงเสนอให้บัญญัติไว้ใน ม.185 วรรคหนึ่งของรัฐธรรมนูญ ปี40 ว่า เมื่อมีการเสนอญัตติแล้ว จะมีการยุบสภามิได้ เว้นแต่จะมีการถอนญัตติหรือการลงมตินั้นไม่ได้คะแนนเสียงตามวรรคสาม ทั้งนี้ เพื่อให้เกิดความสมดุลระหว่างอำนาจอภิปรายไม่ไว้วางใจอันเป็นการตรวจสอบรัฐบาลของสภาผู้แทนราษฎร และอำนาจของฝ่ายบริหารในการถ่วงดุลสภาด้วยการยุบสภา บทบัญญัติมาตรานี้ของรัฐธรรมนูญ40 มาปรากฎในรัฐธรรมนูญ ปี50 ม.158 วรรคหนึ่ง และในรัฐธรรมนูญปี60 ม.151 วรรคสอง
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ปัญหาที่เกิดขึ้นในเวลานี้ก็คือ การห้ามยุบสภาเพราะการยื่นญัตติไม่ไว้วางใจดังกล่าวจะเริ่มเมื่อใด และสิ้นสุดลงเมื่อใดนั้น ถ้าพิจารณาตัวหนังสือของ ม.151 ที่ใช้คำว่า เมื่อได้มีการเสนอญัตติตามวรรคหนึ่งแล้ว จะมีการยุบสภาผู้แทนราษฎรไม่ได้ ก็อาจจะบอกว่ายื่นญัตติไม่ไว้วางใจก็ห้ามยุบสภาแล้ว ยื่นปั๊บก็ห้ามยุบปุ๊บ ไม่ต้องดูอย่างอื่น นี่เป็นการตีความที่ง่ายแบบตัวอักษรล้วนๆ ไม่ได้ดูอย่างอื่นเลย คนไม่ต้องเรียนกฎหมายก็พูดได้ ดูจะง่ายเกินไป แต่ต้องอ่านให้จบวรรค เขาบอกว่าห้ามยุบสภา เว้นแต่จะมีการถอนญัตติ หรือการลงมติไม่ได้คะแนนเสียงเกินกึ่งหนึ่ง ก็จะเข้าใจได้ว่า จะเริ่มห้ามยุบได้ต่อเมื่อญัตตินั้นถูกต้อง ครบถ้วนสมบูรณ์ บรรจุระเบียบวาระและแจ้งให้นายกฯทราบตามข้อบังคับการประชุม
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ส่วนการถอนญัตติไม่เคยเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ การถอนญัตติจะได้หรือไม่ ต้องย้อนไปข้อบังคับการประชุมสภาเท่านั้น ฉะนั้น ที่พูดว่าต้องดูรัฐธรรมนูญซึ่งใหญ่กว่าข้อบังคับเพียงอย่างเดียว ไม่ต้องดูข้อบังคับ จึงไม่ถูกต้อง เพราะการยื่นญัตติอภิปรายฯ ทำได้หรือไม่ ต้องใช้ข้อบังคับที่62 ของการประชุมสภา ที่ว่า การถอนชื่อจากการเป็นผู้ร่วมกันเสนอญัตติใด หรือจากการเป็นผู้รับรอง กระทำได้เฉพาะก่อนที่ประธานสภาสั่งบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุม ในกรณีที่ประธานสภาสั่งบรรจุญัตติเข้าระเบียบวาระการประชุมแล้วจะถอนชื่อได้ต่อเมื่อได้รับการยินยอมของที่ประชุม ดังนั้น เมื่อต้องไปดูข้อบังคับการประชุม ก็ต้องเอาข้อ 62 มาใช้ ประกอบรัฐธรรมนูญ ม.151 วรรคสอง จะเอาเฉพาะข้อ 62 มาใช้ข้อเดียว แต่ไม่นำข้อบังคับการประชุม ข้อ176 มาใช้ด้วยก็ดูจะประหลาด เพราะเลือกใช้เฉพาะข้อบังคับที่เป็นประโยชน์ อันไหนไม่เป็นประโยชน์ก็ไม่ใช้
นายบวรศักดิ์ กล่าวว่า ไม่ใช่ยื่นญัตติแล้ว ไม่ต้องตรวจสอบอะไรเลย ลำพังการยื่นญัตติตาม ม.151 วรรคสอง อย่างเดียว โดยยังไม่รู้ว่า ญัตตินั้นถูกต้องสมบูรณ์ตามรัฐธรรมนูญและข้อบังคับการประชุมหรือไม่ ข้อบังคับที่176 จึงบังคับประธานสภาฯให้ตรวจสอบ เมื่อตรวจสอบแล้วไม่มีข้อบกพร่อง ก็บังคับประธานสภาฯ ทำ2 เรื่องคือ บรรจุเข้าระเบียบวาระการประชุมเป็นเรื่องด่วนและแจ้งให้นายกฯทราบ บัดนี้อำนาจยุบสภาหมดแล้ว ข้อห้ามยุบสภาจะเริ่มนับตั้งแต่บัดนั้นเป็นต้นไป และให้เตรียมตัวมารับการอภิปรายฯ ไม่ใช่นับเวลาที่ฝ่ายค้านยื่น ซึ่งยังไม่มีการตรวจสอบ
“ถ้าประธานสภาฯแจ้งให้นายกฯ ทราบโดยไม่ตรวจสอบญัตติ คนที่เสนอประธานสภาฯ ฝ่ายกฎหมายหรือใครก็แล้วแต่ก็ทำให้ประธานสภาฯ ทำผิดข้อบังคับ เพราะญัตติดังกล่าวอาจมีข้อบกพร่อง ไม่สมบูรณ์ และไม่อาจสามารถบรรจุระเบียบวาระเป็นเรื่องด่วนได้”


