อนุทินต่อสายผู้นำเกาหลีใต้ ผนึกกำลังปราบแก๊งสแกมเมอร์ กัมพูชา
นายกฯ อนุทิน โทรหารือประธานาธิบดีอี แช มย็อง แห่งเกาหลีใต้ เห็นพ้องร่วมมือปราบแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในกัมพูชา หลังเหตุชาวเกาหลีเสียชีวิต ย้ำใช้เป็นเงื่อนไขเจรจาชายแดน
KEY
POINTS
- นายกฯ อนุทิน โทรหารือประธานาธิบดีอี แช มย็อง ผนึกกำลังปราบแก๊งสแกมเมอร์ในกัมพูชา
- ไทยใช้ประเด็นปราบสแกมเมอร์เป็นหนึ่งในเงื่อนไขเจรจาคลี่คลายปัญหาชายแดนกับกัมพูชา
- ผู้นำเกาหลีใต้ขอบคุณไทยที่เคยช่วยชาวเกาหลีจากแก๊งหลอกลวงในเมียนมา ย้ำเดินหน้าความร่วมมือด้านความมั่นคง
ไทย-เกาหลีใต้ ผนึกกำลังปราบ ‘สแกมเมอร์กัมพูชา’ นายกฯ อนุทิน ขอ ‘อี แช มย็อง’ กดดัน ใช้เป็นเงื่อนไขเจรจาชายแดน
วันที่ 16 ตุลาคม 2568, นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้หารือทางโทรศัพท์กับนายอี แช มย็อง ประธานาธิบดีสาธารณรัฐเกาหลี (เกาหลีใต้) ในระหว่างที่นายกรัฐมนตรีอนุทินอยู่ระหว่างการเยือน สปป. ลาว โดยการหารือนี้ผู้นำทั้งสองฝ่ายได้เห็นพ้องที่จะขยายความร่วมมือทางเศรษฐกิจ และที่สำคัญคือการ ร่วมมือกันแก้ไขปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์หรือสแกมเมอร์ (scammer) ที่มีฐานปฏิบัติการอยู่ในกัมพูชา
นายกรัฐมนตรีอนุทินได้กล่าวแสดงความเสียใจต่อกรณีที่มี ชาวเกาหลีใต้เสียชีวิตในกัมพูชา ซึ่งเป็นปัญหาที่สร้างความกังวลอย่างยิ่ง เพื่อแก้ไขปัญหานี้อย่างเป็นรูปธรรม ไทยได้ใช้กลไกการเจรจาที่มีอยู่ โดยนายกรัฐมนตรีเปิดเผยว่า ขณะนี้ไทยกำลังดำเนินการเจรจากับกัมพูชาเพื่อคลี่คลายปัญหาความขัดแย้งชายแดน และ การปราบปรามสแกมเมอร์ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขสำคัญของการเจรจาดังกล่าว
พร้อมกันนี้ นายอนุทินได้ ขอความร่วมมือจากประธานาธิบดีเกาหลีใต้ให้ช่วยกดดันกัมพูชา เพื่อให้การปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์มีความคืบหน้า
ไทยยืนยันความมุ่งมั่นที่จะร่วมมืออย่างเต็มที่ในการปราบปรามอาชญากรรมเหล่านี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ย้ำว่า ไทยพร้อมให้ความร่วมมือในการปราบปราม scammer อย่างเต็มที่ และหากไทยสามารถให้ความช่วยเหลือแก่ชาวเกาหลีใต้ได้ ก็ยินดีที่จะทำอย่างเต็มกำลัง
ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้กล่าวขอบคุณประเทศไทยสำหรับความช่วยเหลือที่เคยมีให้ชาวเกาหลีใต้ที่ถูกหลอกลวงในเมียนมาก่อนหน้านี้ ซึ่งการหารือระหว่างผู้นำทั้งสองสะท้อนถึงสายสัมพันธ์ที่ใกล้ชิดและความพร้อมในการร่วมมือเพื่อรับมือกับปัญหาอาชญากรรมข้ามชาติในระดับภูมิภาค. นอกเหนือจากความร่วมมือด้านความมั่นคงนี้ ผู้นำทั้งสองยังเห็นพ้องที่จะร่วมกันผลักดัน FTA และตั้งเป้าหมายมูลค่าการค้าการลงทุนระหว่างกันไว้ที่ 3 หมื่นล้านดอลลาร์สหรัฐ


