โค้งสุดท้ายศึกเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เดิมพันเพื่อไทย–ภูมิใจไทย
สนามซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 ไม่ใช่แค่ชี้ชะตาตระกูลสมหมาย–ไตรสรณกุล แต่คือบททดสอบพรรคใหญ่ ผลสะท้อนอนาคตการเมืองไทยก่อนเลือกตั้งใหญ่ปี 2569
KEY
POINTS
- การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. ศรีสะเกษ เขต 5 เป็นการแข่งขันโดยตรงระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่ คือ สมหมาย (พรรคเพื่อไทย) และไตรสรณกุล (พรรคภูมิใจไทย)
- ผลการเลือกตั้งมีเดิมพันสูง โดยหากเพื่อไทยชนะจะสามารถรักษาฐานเสียงในภาคอีสานและสกัดการย้ายพรรค แต่หากภูมิใจไทยชนะจะพิสูจน์ความสามารถในการเจาะฐานเสียงของคู่แข่งและสร้างแรงดึงดูดทางการเมือง
- ศึกครั้งนี้ถูกมองว่าเป็น "สนามทดสอบ" ที่มีนัยสำคัญระดับชาติ เพื่อชี้วัดดุลอำนาจระหว่างฝ่ายค้านและรัฐบาล และจะส่งผลต่อทิศทางการเมืองไทยก่อนการเลือกตั้งใหญ่
ศึกสองตระกูลใหญ่บนแผ่นดินอีสานใต้
การเลือกตั้งซ่อม ส.ส. จังหวัดศรีสะเกษ เขต 5 ในวันที่ 28 กันยายน 2568 กำลังถูกจับตามองในฐานะ "สนามทดสอบ" สำคัญของการเมืองไทย เพราะไม่ได้เป็นเพียงการเลือกผู้แทนแทนตำแหน่งที่ว่างหลังการเสียชีวิตของ อมรเทพ สมหมาย แต่เป็นการเผชิญหน้าระหว่างสองตระกูลการเมืองใหญ่—สมหมาย (สีแดง–เพื่อไทย) และ ไตรสรณกุล (สีน้ำเงิน–ภูมิใจไทย)
เขตเลือกตั้งที่ 5 ครอบคลุม อำเภอขุนหาญ และอำเภอภูสิงห์ พื้นที่ติดชายแดนไทย–กัมพูชา ซึ่งมีทั้งความอ่อนไหวทางการเมืองและความมั่นคง กกต.ได้จัดเตรียมหน่วยเลือกตั้ง 236 หน่วย เปิดให้ลงคะแนนตั้งแต่ 08.00–17.00 น. โดยไม่มีระบบเลือกตั้งล่วงหน้า ทั้งในเขตและนอกเขต
ผู้สมัครหลักมีเพียงสองคน
- น.ส.ภูริกา สมหมาย (กุ้ง) เบอร์ 1 ตัวแทนพรรคเพื่อไทย ลูกสาวของอดีต ส.ส.อมรเทพ
- น.ส.จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล (อีฟ) เบอร์ 2 พรรคภูมิใจไทย ลูกสาวของธีระ ไตรสรณกุล
นี่ไม่ใช่เพียงการสืบทอดมรดกการเมือง แต่คือการแข่งขันเชิงสัญลักษณ์ระหว่างพรรคฝ่ายค้านที่ยังครองฐานเสียงในอีสานกับพรรครัฐบาลที่กำลังขยายอิทธิพล
เดิมพันที่แท้จริง คือ หากเพื่อไทยรักษาพื้นที่ได้ จะเป็น "เครื่องเบรก" การไหลของ ส.ส.ไปยังภูมิใจไทย แต่หากภูมิใจไทยชนะ จะตอกย้ำว่าพรรคสามารถเจาะฐานอีสานได้สำเร็จ เปิดทางไปสู่การเลือกตั้งทั่วไปในปีหน้า
กลยุทธ์หาเสียงชิงคะแนนพื้นที่
เพื่อไทย: เสียงสะท้อนฝ่ายค้าน
พรรคเพื่อไทยทุ่มกำลังแกนนำสายตรงลงพื้นที่ ทั้ง สมศักดิ์ เทพสุทิน, ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ, และ พิพัฒน์ชัย ไพบูลย์ ย้ำประเด็นว่า "อย่าปล่อยให้รัฐบาลเสียงข้างน้อยครองประเทศ" พร้อมใช้วาทกรรม "ศรีสะเกษถิ่นงูเห่า" มาตอกย้ำการทรยศของนักการเมืองบางส่วนในอดีต
ณัฐวุฒิประกาศตรง ๆ ว่า การเลือกภูริกาคือ "การแตะเบรกสีน้ำเงินกินรวบ" ขณะที่นโยบายหลักที่ถูกนำเสนอคือการผลักดัน พ.ร.บ.อสม. เพื่อสร้างหลักประกันให้กับอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน
ภูมิใจไทย: เกมรุกจากรัฐบาล
ในอีกฟากหนึ่ง จินณ์ตวรรณ ไตรสรณกุล เลือกเดินสายเคาะประตูบ้านแบบเข้าถึงประชาชน และวางตัวในฐานะผู้แทนพรรครัฐบาลที่มีศักยภาพแก้ปัญหาปากท้องได้จริง แถมมีนายกฯอนุทิน หัวหน้าพรรคไปช่วยหาเสียง
จินณ์ตวรรณ ใช้ ปัญหาพืชผลราคาตกต่ำและปุ๋ยแพง เป็นโจทย์หลัก พร้อมโจมตีเพื่อไทยว่าล้มเหลวในการแก้ไขเศรษฐกิจในอดีต อีกทั้งยังหยิบยกประเด็นชายแดนไทย–กัมพูชามาเป็นจุดขาย โดยยืนยันว่า "จะไม่มีการเปิดด่าน" เพื่อปกป้องผลประโยชน์คนชายแดน
บทวิเคราะห์เชิงยุทธศาสตร์
นักวิเคราะห์การเมืองอย่าง ศักดา นพสิทธิ์ ชี้ว่าศึกนี้ไม่ใช่แค่ท้องถิ่น แต่คือ "เดิมพันระดับชาติ"
เพื่อไทย: ต้องรักษาฐานเสียงศรีสะเกษไว้เพื่อกันไม่ให้ ส.ส.แตกแถว
ภูมิใจไทย: หากชนะ จะสร้างแรงดูดมหาศาลต่อ ส.ส.จากพรรคอื่น โดยเฉพาะกลุ่มที่กำลังชั่งใจย้ายพรรค
คาดการณ์คะแนนเสียงชี้ว่า ฝ่ายสีน้ำเงินมีโอกาสนำเล็กน้อยราว 52–53% ซึ่งหากเป็นจริงจะสะท้อนความเปลี่ยนแปลงของสมดุลอำนาจในอีสานใต้
ชายแดน ความมั่นคง และการเมืองระดับชาติ
ความพิเศษของศรีสะเกษ เขต 5 อยู่ตรงที่เป็นพื้นที่ชายแดนติดกัมพูชา ทำให้ทุกการเคลื่อนไหวเชื่อมโยงกับ ความมั่นคงระดับภูมิภาค ไม่ใช่แค่การเมืองในประเทศ
ผู้ว่าราชการจังหวัดและหน่วยงานความมั่นคงได้เตรียมมาตรการฉุกเฉิน หากเกิดเหตุความไม่สงบชายแดนในวันเลือกตั้ง โดยล่าสุด (26 ก.ย.) มีรายงานว่าฝั่งกัมพูชาได้ยิงป่วนใกล้พื้นที่ปราสาทตาควาย สุรินทร์ และเนิน 498 ช่องบก อุบลราชธานี—แม้ไม่กระทบโดยตรงต่อเขตเลือกตั้ง แต่ก็เพิ่มความตื่นตัวของประชาชน
ในแง่นี้ การเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษจึงไม่ใช่เพียงการวัดคะแนน แต่ยังเป็น "บททดสอบเสถียรภาพรัฐบาล" เพราะชัยชนะของฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งจะถูกตีความไปไกลถึงระดับการจัดสมดุลอำนาจในสภา
- หาก เพื่อไทยชนะ: จะเป็นสัญญาณว่าฐานเสียงอีสานยังแข็งแกร่ง และฝ่ายค้านยังคงมีศักยภาพหยุดการไหลของ ส.ส.ไปยังภูมิใจไทย
- หาก ภูมิใจไทยชนะ: จะตอกย้ำว่าพรรคสามารถรุกล้ำพื้นที่ที่เคยเป็นฐานแดง และกลายเป็น "แม่เหล็ก" ดึง ส.ส.ก่อนการเลือกตั้งใหญ่
ในเชิงโครงสร้าง นี่คือเดิมพันที่เกี่ยวพันถึงอนาคตของ "นายกน้อย" ลูกสาววิชิต ไตรสรณกุล ด้วย เพราะชัยชนะจะยกระดับเธอจากการเมืองท้องถิ่นสู่เวทีระดับชาติทันที
การเลือกตั้งซ่อมศรีสะเกษ เขต 5 จึงเป็นมากกว่าการแข่งขันในพื้นที่เล็ก ๆ แต่คือ สนามประลองกลยุทธ์การเมืองไทย ที่มีเดิมพันสูงทั้งต่อพรรคเพื่อไทยและภูมิใจไทย
เพื่อไทย ต้องพิสูจน์ว่าฐานเสียงอีสานยังเหนียวแน่น
ภูมิใจไทย ต้องชนะเพื่อสร้างแรงกดดันและแรงดูดทางการเมือง
ผลการเลือกตั้งวันที่ 28 กันยายน จะสะท้อนไม่เพียงอนาคตของสองตระกูลใหญ่ในศรีสะเกษ แต่ยังสะท้อน ทิศทางการเมืองไทยทั้งระบบ ก่อนก้าวเข้าสู่การเลือกตั้งใหญ่ในปี 2569


