posttoday

หลักฐานใหม่ เขากระโดง : มหากาพย์ที่ดินรัฐ สู่โฉนดปริศนา?

12 กรกฎาคม 2568

เจาะลึกปมพิพาทที่ดินเขากระโดง หลักฐานใหม่สั่นคลอนประวัติศาสตร์การจัดการที่ดินไทย เผยความซับซ้อนของคดีที่เกี่ยวโยงผลประโยชน์ทับซ้อนกว่าครึ่งศตวรรษ

ปมพิพาท "เขากระโดง" มหากาพย์ที่ดินรัฐ สู่โฉนดส่วนบุคคล
 

ที่ดินเขากระโดง กำลังกลายเป็น "หลักฐานใหม่" ที่สั่นคลอนประวัติศาสตร์การจัดการที่ดินไทย เผยความซับซ้อนของคดีที่เกี่ยวโยงกับผลประโยชน์ทับซ้อนและช่องโหว่ทางกฎหมายมาอย่างยาวนานกว่าครึ่งศตวรรษ

จากที่ดิน "รฟท." สู่โฉนดปริศนา: จุดเริ่มต้นของมหากาพย์

ประเด็นร้อนที่ดินเขากระโดงเริ่มต้นขึ้นจากสถานะของผืนดินแห่งนี้ที่ถูกกำหนดให้เป็น "ที่ดินของรัฐเพื่อกิจการรถไฟ" มาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2464 อย่างชัดเจน แต่แล้วในเวลาต่อมา ดินแดนผืนนี้กลับกลายเป็นเป้าหมายของบุคคลทั่วไป รวมถึงนักการเมือง ที่สามารถออก "โฉนดที่ดิน" ครอบครองพื้นที่ส่วนนี้ได้อย่างน่ากังขา

สัญญา "ปริศนา" และการปฏิเสธที่ถูกเมิน

พ.ศ. 2513 นักการเมืองคนหนึ่งได้ทำสัญญา "อยู่อาศัย" บนที่ดินรถไฟเขากระโดงขนาด 6 ไร่ เป็นเวลา 3 ปี โดยมีวัตถุประสงค์เพื่อใช้เก็บหินสำหรับธุรกิจก่อสร้าง ที่น่าสนใจคือ สัญญาดังกล่าวระบุไว้อย่างชัดเจนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของ "การรถไฟ"

เพียงหนึ่งปีให้หลัง นักการเมืองรายเดิมพยายามยื่นขอขยายสัญญาจาก 3 ปี เป็น 30 ปี พร้อมขอให้สามารถโอนสิทธิให้ทายาทได้ด้วย ทว่า "การรถไฟแห่งประเทศไทย" (รฟท.) ได้ปฏิเสธคำขอดังกล่าว โดยให้เหตุผลว่าแม้แต่สัญญา 3 ปีแรกก็ถือเป็นกรณีพิเศษ เพราะโดยปกติแล้วจะอนุญาตให้ใช้ที่ดินแบบปีต่อปีเท่านั้น

โฉนด "ผี" ออกได้อย่างไร? ปริศนาที่รอการคลี่คลาย

แม้สถานะที่ดินเป็นของรัฐ และคำขอขยายสัญญาเช่าถูกปัดตกอย่างไม่ไยดี แต่ที่สุดแล้ว ทายาทของนักการเมืองท่านนี้กลับได้รับ "โฉนดที่ดิน" สำหรับพื้นที่ที่ใหญ่กว่ามาก ซึ่งมีรายงานว่าครอบคลุมพื้นที่หลายร้อยไร่! คำถามสำคัญที่คลิปวิดีโอและสังคมกำลังเรียกร้องคือ การออกโฉนดเหล่านี้เกิดขึ้นได้อย่างไร? และใครคือผู้อยู่เบื้องหลังการดำเนินการที่ขัดแย้งกับหลักฐานและคำสั่งของ รฟท.

ความไม่ชอบมาพากลทางกฎหมายและ "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่รอการสะสางจึงไม่ใช่แค่เรื่องการบุกรุก แต่ยังเต็มไปด้วยความซับซ้อนทางกฎหมายและข้อกังขาเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ที่ยากจะปฏิเสธ

คำพิพากษาศาลฎีกา: มี คำพิพากษาศาลฎีกา พร้อมแผนที่แนบท้ายที่ยืนยันอย่างชัดเจนว่าที่ดินแปลงนี้เป็นของการรถไฟ

กรรมการสอบสวน "ไร้น้ำยา": มีการตั้ง คณะกรรมการสอบสวนตามมาตรา 61 แห่งประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อเพิกถอนโฉนดที่ดิน แต่คณะกรรมการชุดนี้กลับไม่ได้ดำเนินการเพิกถอน โดยอ้างว่าแผนที่ไม่ชัดเจน ซึ่งคลิปวิดีโอโต้แย้งว่าการกระทำของคณะกรรมการนี้อาจมิชอบหรือไม่ได้รับอำนาจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อมีคำพิพากษาของศาลฎีกาอยู่แล้ว

กรมที่ดินกับการทำงานที่น่าเคลือบแคลง: เกิดคำถามถึงการกระทำของ กรมที่ดิน ซึ่งอาจมีความขัดแย้งภายในและผลประโยชน์ทับซ้อนในการดำเนินการออกโฉนด

ข้อกล่าวหาเรื่องผลประโยชน์ทับซ้อนยิ่งปรากฏชัดเจนขึ้น 

ในปี พ.ศ. 2539 บุตรชายของนักการเมืองที่เคยพยายามใช้ที่ดินในตอนแรก ได้ก้าวขึ้นเป็น รัฐมนตรี และดำรงตำแหน่ง ประธานคณะกรรมการแก้ไขปัญหาที่ดินที่เขากระโดง ซึ่งรวมถึงที่ดินที่ครอบครัวของเขาครอบครองอยู่ด้วย

"พ่อเมือง" ผู้เป็นบิดาอธิบดีกรมที่ดิน: ผู้ว่าราชการจังหวัดในการประชุมครั้งนั้น ยังถูกระบุว่าเป็นบิดาของอธิบดีกรมที่ดินในเวลาต่อมา ซึ่งก่อให้เกิดคำถามถึงความเชื่อมโยงที่น่าสงสัย แม้ในยุคนั้น แนวคิดเรื่อง "ผลประโยชน์ทับซ้อน" ยังไม่เป็นที่รู้จักในทางกฎหมายอย่างกว้างขวางจนกระทั่งมีการประกาศใช้รัฐธรรมนูญปี พ.ศ. 2540  

แสงสว่างที่ปลายอุโมงค์? ความหวังในการแก้ไขปัญหาที่คาราคาซัง

ด้วยการเข้ามาของรัฐมนตรีมหาดไทย (ภูมิธรรม เวชยชัย) ประชาชนและสังคมต่างคาดหวังว่าหลักฐานใหม่ในคดีนี้จะได้รับการตรวจสอบอย่างจริงจัง และความซับซ้อนทางประวัติศาสตร์จะได้รับการสืบสวนเพื่อหาทางแก้ไข

ที่สำคัญ การดำเนินการล่าสุดของ รองนายกรัฐมนตรีภูมิธรรม ในการโยกย้ายเจ้าหน้าที่ที่ไม่เป็นไปตามความคาดหวังในด้านอื่นๆ ก็สร้างความหวังว่าจะมีการดำเนินการที่เด็ดขาดในกรณีเขากระโดงนี้เช่นกัน

มรดกประวัติศาสตร์อันยาวนานของการจัดการที่ดินที่เต็มไปด้วยข้อกังขา ผลประโยชน์ทับซ้อนที่อาจเกิดขึ้น และความเฉื่อยชาของระบบราชการที่เปิดช่องให้บุคคลทั่วไปสามารถครอบครองและได้รับโฉนดสำหรับที่ดินของรัฐได้

ถึงเวลาแล้วที่ความจริงเบื้องหลัง "เขากระโดง" จะต้องปรากฏสู่สาธารณะอย่างโปร่งใส และนำมาซึ่งการแก้ไขปัญหาที่ยืดเยื้อมานานแสนนาน

ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นทีวี (คลิ๊ก)

ข่าวล่าสุด

ถ่ายทอดสด เบรนท์ฟอร์ด พบ ลีดส์ ยูไนเต็ด พรีเมียร์ลีก วันนี้ 14 ธ.ค.68