ร้อง "ภูมิธรรม" สอบ "โฉนดเขากระโดง" ปมกรมที่ดินเมินคำสั่งศาล
ร้อง "ภูมิธรรม" สอบ "โฉนดเขากระโดง" ปมกรมที่ดินเมินคำสั่งศาล สงสัยเอื้อประโยชน์เอกชน โยงกลุ่มการเมืองและตระกูลดัง
นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ ในฐานะกำกับดูแลกระทรวงมหาดไทย
เตรียมลงนามตั้งคณะกรรมการสอบสวน กรณีการออกโฉนดที่ดินเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์
ซึ่งมีผู้ร้องเรียนว่ากรมที่ดินเพิกเฉยต่อคำสั่งศาล และอาจเอื้อประโยชน์ให้แก่บุคคลบางกลุ่ม
เรื่องดังกล่าวถูกจุดประเด็นขึ้นเมื่อนางกุสุมาลวตี ศิริโกมุท ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนต่อนายภูมิธรรม เมื่อวันที่ 9 กรกฎาคม 2568 โดยขอให้ดำเนินคดีกับนายอนุทิน ชาญวีรกูล (รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น),
นายอรรษิษฐ์ สัมพันธรัตน์ (ปลัดกระทรวงมหาดไทย), นายพรพจน์ เพ็ญพาส (อธิบดีกรมที่ดิน) และคณะกรรมการสอบสวน รวมถึงผู้เกี่ยวข้องในคดีที่ดินเขากระโดง
ข้อกล่าวหา: จงใจละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และเอื้อประโยชน์
นางกุสุมาลวตีกล่าวหาว่า ผู้ถูกร้องทั้งหมดจงใจปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย และใช้อำนาจโดยทุจริตเพื่อประโยชน์ของผู้อื่น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเพื่อเอื้อประโยชน์ให้กับบุคคลในตระกูลชิดชอบ
เธอยังตั้งข้อสังเกตถึงบทบาทของนายอนุทิน ในขณะที่ดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองที่กำกับดูแลกระทรวงคมนาคมและการรถไฟฯ ซึ่งถูกมองว่าเพิกเฉยต่อคำสั่งศาล
และเมื่อมาดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดินซึ่งอยู่ภายใต้การกำกับดูแลกลับตั้งคณะกรรมการที่ใช้อำนาจเอื้อประโยชน์ให้พวกพ้อง
คำร้องดังกล่าวเรียกร้องให้พิจารณาและเพิกถอนคำสั่งของอธิบดีกรมที่ดิน และตรวจสอบการใช้อำนาจหน้าที่ของผู้เกี่ยวข้อง เพื่อนำที่ดินเขากระโดงคืนสู่การรถไฟฯ โดยเร่งด่วน
ที่ดินเขากระโดง: "ที่ดินของหลวง" ที่มิอาจออกโฉนดได้
ที่ดินบริเวณเขากระโดง จังหวัดบุรีรัมย์ เป็นประเด็นข้อพิพาทมายาวนาน โดยเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ซึ่งจัดเป็นที่ดินของหลวง หรือที่ดินของรัฐ
และถูกสงวนหวงห้ามตามพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ. 2464 มาตั้งแต่สมัยรัชกาลที่ 6 (พ.ศ. 2462-2465)
กฎหมายระบุชัดเจนว่าที่ดินที่หวงห้ามไว้ก่อนประมวลกฎหมายที่ดินใช้บังคับนั้น ไม่สามารถออกโฉนดได้
การออกโฉนดชอบด้วยกฎหมาย ใช้มาตรา 60 ผิดวัตถุประสงค์
มีการตรวจพบว่าโฉนดที่ดินหลายแปลงในบริเวณเขากระโดงถูกครอบครองโดยเอกชน โดยเฉพาะบุคคลในตระกูลชิดชอบและผู้เกี่ยวข้อง ซึ่งดำเนินการโดยเจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดบุรีรัมย์
โดยใช้มาตรา 60 ของประมวลกฎหมายที่ดิน เพื่อทำการสอบสวนเปรียบเทียบระหว่างราษฎรผู้ขอรังวัดออกโฉนดกับเจ้าหน้าที่การรถไฟฯ ผู้มาระวังชี้เขต
อย่างไรก็ตาม มีการตั้งข้อสังเกตว่าการดำเนินการนี้ไม่ถูกต้อง เนื่องจากมาตรา 60 มีไว้สำหรับการโต้แย้งสิทธิกันระหว่างราษฎรด้วยกัน (เอกชนกับเอกชน) เท่านั้น
ไม่สามารถนำมาใช้กับกรณีการโต้แย้งระหว่างราษฎรกับรัฐได้ ตามแนวคำวินิจฉัยของคณะกรรมการกฤษฎีกา
แม้ว่าการรถไฟฯ จะไม่ได้คัดค้านการรังวัดออกโฉนดในขณะนั้น แต่ก็สงวนสิทธิ์ที่จะรังวัดสอบเขตที่ดินของการรถไฟฯ ในภายภาคหน้าต่อไป
ด้วยเหตุนี้ ผู้ร้องจึงเห็นว่าการออกโฉนดที่ดินและหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) ในที่ดินรถไฟเขากระโดงจึงเป็นการกระทำที่ไม่ชอบด้วยกฎหมาย
ศาลยืนยันสถานะ เขากระโดง "ที่ดินของการรถไฟฯ"
ประเด็นการครอบครองที่ดินเขากระโดงได้ผ่านกระบวนการทางกฎหมายมาหลายครั้ง โดยศาลจังหวัดบุรีรัมย์ ศาลอุทธรณ์ภาค 3 และศาลฎีกา
ได้เคยมีคำพิพากษาเป็นบรรทัดฐานในทำนองเดียวกันว่า ที่ดินบริเวณเขากระโดงเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย
ต่อมา ศาลปกครองกลางก็ได้มีคำพิพากษารองรับคำพิพากษาข้างต้น ยืนยันว่าที่ดินเป็นของการรถไฟแห่งประเทศไทยเช่นกัน


