เพื่อไทยเขย่าการเมืองแก้แค้น"ภูมิใจไทยยื่นดาบสอบปมเขากระโดง
เพื่อไทยเดินเกมรุก"เอาคืน" ภูมิใจไทย หลังพลิกขั้วเป็นฝ่ายค้านแฉปมร้อนที่ดินเขากระโดง ฮั้ว สว.ไปจนถึงนโยบายกัญชา
ปฏิบัติการ"แก้แค้น"ทวงคืนพื้นที่การเมือง
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังปะทุขึ้นอีกครั้ง เมื่อความสัมพันธ์ระหว่างสองพรรคใหญ่ พรรคเพื่อไทย ในฐานะแกนนำรัฐบาล และ พรรคภูมิใจไทย ที่ผันตัวมาเป็นพรรคฝ่ายค้านอย่างรวดเร็ว ได้ตึงเครียดถึงขีดสุด สิ่งที่กำลังเกิดขึ้นถูกมองว่าเป็น "ปฏิบัติการแก้แค้น" ของพรรคเพื่อไทย ที่ต้องการตอบโต้การเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทยที่ประกาศกร้าวพร้อมล้มรัฐบาล และมีกระแสข่าวลือถึงแผนการจัดตั้งรัฐบาลเฉพาะกาลเพื่อนำไปสู่การยุบสภา
ความไม่พอใจภูมิใจไทยบทบาทฝ่ายค้านสายแข็ง
ชนวนความขัดแย้งครั้งนี้เริ่มขึ้นเมื่อพรรคภูมิใจไทยประกาศตัวเป็นฝ่ายค้านอย่างเต็มรูปแบบ และแสดงท่าทีพร้อมเปิดศึกอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาลอย่างรวดเร็วหลังจากพ้นจากการเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ท่าทีอันแข็งกร้าวนี้สร้างความไม่พอใจให้กับพรรคเพื่อไทยอย่างมาก นำไปสู่การดำเนินการ "เอาคืน" ในหลายมิติ เพื่อลดทอนอิทธิพลและสกัดกั้นการเคลื่อนไหวของพรรคภูมิใจไทย
เพื่อไทยหยิบปมร้อนไล่บี้ภูมิใจไทย
พรรคเพื่อไทยได้หยิบยกหลายประเด็นสำคัญขึ้นมาตรวจสอบและดำเนินการอย่างเข้มข้น ซึ่งแต่ละประเด็นล้วนเป็นเรื่องที่เคยเกี่ยวข้องกับบทบาทของพรรคภูมิใจไทยในอดีต
ที่ดินเขากระโดงเดิมพันใหญ่
นี่คือประเด็นที่ถูกจับตามากที่สุด โดยกระทรวงมหาดไทยภายใต้การนำของ นายภูมิธรรม เวชยชัย จากพรรคเพื่อไทย กำลังเร่งดำเนินการเรียกคืนที่ดินในเขตเขากระโดง เพื่อส่งคืนให้กับการรถไฟแห่งประเทศไทย โดยอ้างว่าเอกสารสิทธิ์ที่ดินถูกออกไปโดยมิชอบด้วยกฎหมาย และที่ดินเหล่านั้นถูกครอบครองโดยครอบครัวนักการเมืองที่ทรงอิทธิพล
ก่อนหน้านี้ในสมัยที่ นายอนุทิน ชาญวีรกูล จากพรรคภูมิใจไทย ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย กรมที่ดินได้ปฏิเสธการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว อ้างเหตุผลว่าอยู่ระหว่างการสอบสวนและแผนที่จากการรถไฟยังไม่ชัดเจน แต่กระทรวงมหาดไทยชุดปัจจุบันได้แย้งว่า ที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินของรัฐที่สงวนไว้เพื่อวัตถุประสงค์ของการรถไฟมาตั้งแต่ปี 2464 จึงไม่ควรมีการออกเอกสารสิทธิ์ใดๆ และมองว่าการสอบสวนในอดีตมีข้อบกพร่อง
การฮั้วเลือกตั้ง สว.:
กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังเดินหน้าสอบสวนข้อกล่าวหาการสมรู้ร่วมคิดในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) และอาจดำเนินการฟ้องร้องทางอาญาโดยไม่จำเป็นต้องรอผลการพิจารณาจากคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) DSI ได้เรียกพยาน 7 รายเพื่อชี้แจงธุรกรรมทางการเงินที่เชื่อมโยงกับการจ้างผู้สมัครใน 3 จังหวัด ซึ่งมีเส้นทางการเงินที่ถูกกล่าวหาว่าเชื่อมโยงกับกว่า 24 จังหวัดทั่วประเทศ
ขณะเดียวกัน กกต. ก็กำลังเร่งรัดการสอบสวนเช่นกัน โดยได้เรียกบุคคลที่เกี่ยวข้องไปแล้ว 170 ราย ใน 8 ชุด และคาดว่าจะสามารถสรุปผลการสอบสวนได้ในเร็วๆ นี้
โครงการขนาดใหญ่:
รัฐบาลเพื่อไทยยังเตรียมระงับโครงการขนาดใหญ่ภายใต้กระทรวงศึกษาธิการและการอุดมศึกษา ซึ่งมีมูลค่ารวมกว่า 40,000 ล้านบาท ซึ่งเคยเป็นพื้นที่รับผิดชอบของพรรคภูมิใจไทย
การเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าว:
มีการปราบปรามเครือข่ายการเรียกรับเงินจากแรงงานต่างด้าวอย่างเข้มข้น โดย DSI กำลังสอบสวนความเชื่อมโยงกับรัฐมนตรีของกัมพูชาและนักการเมืองไทย ซึ่งมีเงินหมุนเวียนกว่า 450 ล้านบาท
พลิกกลับนโยบายกัญชาและกระท่อม:
เพื่อไทยกำลังเตรียมพลิกกลับนโยบายเรือธงของพรรคภูมิใจไทยอย่างกัญชาและกระท่อม โดยการประกาศ "สงครามยาเสพติด" เพื่อควบคุมและจำกัดการใช้สมุนไพรทั้งสองชนิดอย่างจริงจัง
ความเห็นจากฝ่ายค้าน: มุมมองของรังสิมันต์ โรม
นายรังสิมันต์ โรม จากพรรคประชาชน (เดิมคือพรรคก้าวไกล) ได้ออกมาแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์นี้ หลังจากที่พรรคเพื่อไทยวิจารณ์ว่าฝ่ายค้านไม่ยอมเข้ามาสอบสวนเรื่องการฮั้ว สว. นายรังสิมันต์ โรม ได้ตั้งคำถามกลับว่า ทำไมพรรคเพื่อไทยจึงไม่สอบสวนประเด็นอื่น ๆ ที่อาจบ่อนทำลายหลักนิติธรรมเช่นกัน อย่างกรณี "การฮั้วชั้น 14" (ซึ่งหมายถึงสถานการณ์ของอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร)
นอกจากนี้ยังเสิรมว่า รัฐบาลมีข้อมูลเกี่ยวกับการฮั้ว สว. อยู่แล้ว และกำลังดำเนินการสอบสวนได้ดี ดังนั้นฝ่ายค้านจึงไม่จำเป็นต้องเข้าไปก้าวก่าย และตั้งข้อสงสัยถึงบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร ว่าจะสามารถช่วยสร้างเสถียรภาพให้กับรัฐบาลได้อย่างไร ในเมื่อตัวนายทักษิณเองก็เป็นหนึ่งในสาเหตุที่ทำให้รัฐบาลไร้เสถียรภาพ
บทสรุป: การต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นขึ้น
สถานการณ์ปัจจุบันชี้ให้เห็นถึงการต่อสู้ทางการเมืองที่เข้มข้นและซับซ้อนระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทย พรรคเพื่อไทยกำลังใช้กลไกของรัฐในการตรวจสอบและดำเนินคดีกับประเด็นต่างๆ ที่เคยเกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทย เพื่อลดทอนอำนาจและอิทธิพลทางการเมือง ในขณะที่พรรคภูมิใจไทยก็พร้อมรับบทบาทฝ่ายค้านที่แข็งกร้าวและพร้อมท้าชนรัฐบาล การปะทะกันครั้งนี้จะส่งผลต่อภูมิทัศน์ทางการเมืองไทยอย่างไร ยังคงเป็นสิ่งที่ต้องจับตาดูอย่างใกล้ชิด


