posttoday

เขย่าฐานน้ำเงิน! มหาดไทยย้ายบิ๊กข้าราชการ ไชยวัฒน์-นฤชาเข้ากรุ

08 กรกฎาคม 2568

มหาดไทยเสนอครม.ย้ายผู้บริหารระดับสูง4 ตำแหน่งสำคัญ “นิรัตน์” ขยับนั่งอธิบดีกรมการปกครอง – “ภพชนก” ขึ้นกรมส่งเสริมฯ คาดปูทางสู่การเลือกตั้ง

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ซึ่งมีนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุม เตรียมพิจารณาข้อเสนอจากกระทรวงมหาดไทยในการแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการระดับสูงจำนวน 4 ตำแหน่งสำคัญ ได้แก่
1. นายไชยวัฒน์ จุนถิระพงศ์
ตำแหน่งเดิม: อธิบดีกรมการปกครอง
ตำแหน่งใหม่: ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
ดำรงตำแหน่งอธิบดีกรมการปกครองคนที่ 41
เติบโตจากสายราชการปกครอง เคยเป็นผู้ว่าราชการจังหวัดบุรีรัมย์

การขยับเป็นผู้ตรวจราชการ ถือเป็นตำแหน่งเชิงนโยบายระดับสูง แต่มีบทบาทน้อยกว่าการบริหารตรงของกรม

2. นายนฤชา โฆษาศิวิไลซ์
ตำแหน่งเดิม: อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
ตำแหน่งใหม่: ผู้ตรวจราชการกระทรวงมหาดไทย
เคยเป็นปลัดจังหวัดบุรีรัมย์, รองผู้ว่าราชการบึงกาฬ และผู้ว่าฯ บุรีรัมย์
มีภาพลักษณ์เป็นข้าราชการมืออาชีพสายราชการแท้ การโยกย้ายครั้งนี้อาจตีความได้ว่าเป็นการลดบทบาทจากตำแหน่งอธิบดี

3. นายนิรัตน์ พงษ์สิทธิถาวร
ตำแหน่งเดิม: ผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่
ตำแหน่งใหม่: อธิบดีกรมการปกครอง
จบรัฐศาสตร์ จุฬาฯ ทั้งระดับปริญญาตรี (เกียรตินิยม) และโท
เคยดำรงตำแหน่งปลัดอำเภอหลายจังหวัด รองผู้ว่าฯ ปทุมธานี ผู้ตรวจราชการ และผู้ว่าฯ อุดรธานี ก่อนมาเชียงใหม่
เป็นที่รู้จักว่าใกล้ชิดฝ่ายการเมืองโดยเฉพาะในภาคอีสาน

4. ร.ต.ท.ภพชนก ชลานุเคราะห์
ตำแหน่งเดิม: ผู้ว่าราชการจังหวัดเพชรบุรี
ตำแหน่งใหม่: อธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น
บุตรชาย พล.ต.อ.วิเชียร ชลานุเคราะห์ อดีต ผบ.ตร. และอดีต ส.ว.
มีชื่อปรากฏในหลายยุคของการแต่งตั้งผู้ว่าฯ ที่ใกล้ชิดกลุ่มการเมือง
ถูกมองว่าเป็นคนรุ่นใหม่ที่พร้อมขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุกในระดับท้องถิ่น

วิเคราะห์ “เส้นสายการเมือง” เบื้องหลังโยกย้าย
1. ปรับสมดุลอำนาจ – ลดบทบาทสายราชการเก่า
การโยกย้าย “นายไชยวัฒน์” และ “นายนฤชา” ออกจากตำแหน่งอธิบดี แม้จะไม่ได้ลดชั้นตำแหน่ง แต่เป็นสัญญาณเชิงสัญลักษณ์ว่า "สายราชการเก่า" ที่ไม่ได้สัมพันธ์แนบแน่นกับฝ่ายการเมืองอาจไม่ใช่ตัวเลือกหลักในยุคนี้

2. ปักหมุดคนของฝ่ายการเมือง
“นิรัตน์” ขึ้นเป็นอธิบดีกรมการปกครอง เท่ากับควบคุมอำนาจบังคับบัญชาผู้ว่าฯ ทั่วประเทศ ขณะที่ “ภพชนก” ขึ้นเป็นอธิบดีกรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น ซึ่งเป็นกลไกสำคัญต่อการจัดสรรงบประมาณไปยัง อปท. การแต่งตั้งจึงถูกมองว่าฝ่ายการเมืองต้องการวาง “คนในเครือข่าย” เพื่อเชื่อมโยงนโยบายจากส่วนกลางสู่ฐานเสียงในระดับพื้นที่

3. เตรียมพร้อมก่อนศึกเลือกตั้ง
การปรับทัพในกระทรวงมหาดไทย โดยเฉพาะใน 2 กรมหลักอย่าง "ปกครอง" และ "ท้องถิ่น" สะท้อนยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทยในการสร้างความต่อเนื่องทางการเมือง โดยใช้ข้าราชการที่ "ไว้ใจได้" เป็นสะพานเชื่อมระหว่างนโยบายกับประชาชน

การขยับเก้าอี้ครั้งนี้อาจดูเป็นเรื่องภายในระบบราชการ แต่หากพิจารณาเชิงการเมืองแล้ว ย่อมมีนัยสำคัญต่อ “ยุทธศาสตร์เลือกตั้ง” และ “การบริหารอำนาจ” ในระดับท้องถิ่น พรรคการเมืองใดที่ควบคุมสายบังคับบัญชาในพื้นที่ได้ ก็จะได้เปรียบอย่างยิ่งต่อการขับเคลื่อนนโยบาย และช่วงชิงความนิยมในระยะยาว

ข่าวล่าสุด

เปิดตัว Gemini 3 Flash โมเดล AI ราคาประหยัดแต่ฉลาดเกือบเท่าเดิม