posttoday

เปิดขั้นตอนข้อกม.หลังศาลสั่งแพทองธารหยุดปฎิบัติหน้าที่นายกฯ

01 กรกฎาคม 2568

เปิดขั้นตอนข้อกฎหมายหลังศาลรัฐธรรมนูญรับคำร้องวินิจฉัยคลิปเสียงฮุนเซน และมีคำสั่งให้แพทองธารหยุดปฏิบัติหน้าที่ชั่วคราว

เมื่อวันที่ 1 กรกฎาคม 2568 ศาลรัฐธรรมนูญมีมติ เสียงข้างมาก 7 ต่อ 2 สั่งให้ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร หยุดปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีชั่วคราว จากกรณีที่ สมาชิกวุฒิสภา 36 คน ยื่นคำร้องให้วินิจฉัยสถานภาพความเป็นรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 170 วรรคหนึ่ง (4) ประกอบมาตรา 160 (4) และ (5) อันเนื่องมาจากกรณีคลิปเสียงสนทนากับสมเด็จฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา ซึ่งถูกมองว่าอาจขัดต่อจริยธรรมและความเป็นกลางในหน้าที่ของผู้นำรัฐบาล

การที่ศาลมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่นั้น เป็นเพียงมาตรการชั่วคราวในระหว่างพิจารณา ยังไม่ถือว่าเป็นการพ้นตำแหน่งโดยสมบูรณ์ อย่างไรก็ตาม เหตุการณ์นี้ได้ส่งผลให้ตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายบริหารของประเทศเข้าสู่ภาวะ “หยุดชั่วคราว” ซึ่งมีขั้นตอนทางกฎหมายที่จะต้องดำเนินต่อ

1. นายกรัฐมนตรีต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่โดยสมบูรณ์
จากคำสั่งศาลฯ น.ส.แพทองธาร จะต้องระงับการใช้อำนาจในตำแหน่งทั้งหมด ไม่สามารถลงนามเอกสารราชการ เข้าร่วมประชุม ครม. หรือดำเนินนโยบายใด ๆ ได้ จนกว่าศาลรัฐธรรมนูญจะมีคำวินิจฉัยขั้นสุดท้าย

2. รองนายกรัฐมนตรีจะต้องรักษาราชการแทน
รัฐธรรมนูญมาตรา 42 และมาตรา 51 กำหนดให้รองนายกรัฐมนตรีสามารถขึ้นมารักษาการแทนได้ในกรณีที่นายกฯ ไม่สามารถปฏิบัติหน้าที่ได้ โดยมี 2 แนวทาง คือ

นายกรัฐมนตรีมอบหมายไว้ล่วงหน้า (ซึ่งยังไม่ปรากฏว่ามีการมอบหมายเช่นนั้นในกรณีนี้)

คณะรัฐมนตรีมีมติตั้งรองนายกฯ รักษาการแทน

อย่างไรก็ตาม ขณะนี้ยังไม่มีการแต่งตั้งหรือมอบหมายอย่างเป็นทางการ เพราะต้องรอให้ รัฐมนตรีใหม่ถวายสัตย์ปฏิญาณตน ให้เรียบร้อยก่อน ครม. จึงจะสามารถมีมติแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนได้ตามกฎหมาย

3. ผู้ถูกร้องมีเวลา 15 วันยื่นคำชี้แจงต่อศาล
ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ. 2561 มาตรา 54
ผู้ถูกร้อง (น.ส.แพทองธาร) ต้องยื่นคำชี้แจงแก้ข้อกล่าวหาภายใน 15 วัน นับจากวันที่ได้รับสำเนาคำร้อง โดยสามารถแนบเอกสาร พยานหลักฐาน หรือคำชี้แจงเพิ่มเติมได้ตามสิทธิในกระบวนการยุติธรรม

4. ศาลพิจารณาและวินิจฉัยขั้นสุดท้าย
หลังรับคำชี้แจงจากผู้ถูกร้อง ศาลรัฐธรรมนูญจะดำเนินการไต่สวนและพิจารณาคดี ซึ่งโดยปกติจะใช้ระยะเวลา ประมาณ 30–60 วัน ก่อนมีคำวินิจฉัยขั้นสุดท้าย ซึ่งจะมีผล 2 แนวทาง:

หากศาลวินิจฉัยว่า "สิ้นสุดความเป็นนายกฯ"
น.ส.แพทองธาร จะพ้นจากตำแหน่งโดยทันที และกระบวนการเสนอชื่อและลงมติเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ในรัฐสภาจะเริ่มต้นตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 158

หากศาลวินิจฉัยว่า "ไม่มีเหตุสิ้นสุดความเป็นนายกฯ"
น.ส.แพทองธารจะกลับเข้าดำรงตำแหน่งตามเดิมได้ทันที โดยไม่มีผลย้อนหลังต่อการใช้อำนาจของผู้รักษาราชการแทน

ข้อเสนอเสียงข้างน้อย: จำกัดอำนาจเฉพาะบางด้านแทนการหยุดทั้งหมด
ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญเสียงข้างน้อย 2 คน ได้แก่

  • นายนครินทร์ เมฆไตรรัตน์
  • นายอดิศร สิทธิวิรัชธรรม

มีความเห็นว่า แม้ยังไม่มีหลักฐานชัดเจนเพียงพอ แต่เพื่อป้องกันความเสียหายร้ายแรงที่อาจเกิดขึ้น เสนอให้จำกัดอำนาจเฉพาะด้าน “ความมั่นคง การต่างประเทศ และการคลัง” โดยยังไม่ต้องหยุดปฏิบัติหน้าที่ทั้งหมด ซึ่งถือเป็นข้อเสนอเชิงทางออกที่น่าสนใจในทางหลักนิติธรรม

บทส่งท้าย: จุดเปลี่ยนของรัฐบาล – จับตาอำนาจผ่านมือรองนายกฯ
แม้ น.ส.แพทองธาร จะยังไม่พ้นตำแหน่งอย่างเป็นทางการ แต่การหยุดปฏิบัติหน้าที่ในช่วงหัวเลี้ยวหัวต่อของสถานการณ์ทั้งภายในประเทศและภูมิภาค ย่อมส่งผลต่อเสถียรภาพของรัฐบาลเพื่อไทยอย่างมีนัยสำคัญ โดยเฉพาะหากการแต่งตั้งผู้รักษาราชการแทนนายกฯ ล่าช้า หรือขาดความชัดเจน อาจเป็นช่องให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมืองจากหลายฝ่าย ทั้งภายในและภายนอกรัฐบาล

ขณะเดียวกัน กระบวนการยุติธรรมต้องดำเนินไปด้วยความโปร่งใส รอบคอบ และเป็นธรรม เพื่อให้ผลลัพธ์สุดท้าย ไม่เพียงตอบโจทย์ข้อกฎหมายเท่านั้น แต่ยังต้องตอบคำถามของสังคมในแง่ของ “ความชอบธรรม” และ “ความสงบเรียบร้อยของประเทศ” ด้วยเช่นกัน.
 

ข่าวล่าสุด

บอลวันนี้ ดูบอลสด ถ่ายทอดสด โปรแกรมฟุตบอล วันจันทร์ที่ 15 ธ.ค. 68