ป.ป.ช.ตั้งกก.ไต่สวน “ทวี-อธิบดีDSI”กลั่นแกล้งสอบฮั้วสว.
ป.ป.ช.ตั้งกก.ไต่สวน “ทวี-อธิบดีDSI” ปมกลั่นแกล้งสอบคดีฮั้วสว. จี้สอบพฤติกรรมเจ้าหน้าที่ลงพื้นที่ข่มขู่พยาน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 25 มิถุนายน 2568 ที่ประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) มีมติตั้งคณะกรรมการไต่สวนข้อกล่าวหา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม และ พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) จากกรณีถูกกล่าวหาว่าจงใจกลั่นแกล้งกลุ่มสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ในคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว.
สาเหตุที่นำไปสู่การตั้งกรรมการไต่สวนครั้งนี้ สืบเนื่องจากการร้องเรียนของ สว. กลุ่มหนึ่งที่ถูกตั้งข้อกล่าวหาเกี่ยวกับการฟอกเงินและสมคบคิดฮั้วการเลือกตั้ง โดยกล่าวหาว่า มีเจ้าหน้าที่ที่อ้างตัวเป็นบุคลากรจากดีเอสไอ ลงพื้นที่จังหวัดอำนาจเจริญโดยไม่แสดงตนอย่างถูกต้อง ไม่สวมเครื่องแบบ ไม่มีบัตรเจ้าหน้าที่ และยังมีพฤติกรรมที่เข้าข่ายข่มขู่พยาน อาทิ เข้าไปในบ้านอดีตผู้สมัคร ส.ว. ถอดปลั๊กกล้องวงจรปิด และกดดันให้รับสารภาพการกระทำผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง
แหล่งข่าวจาก ป.ป.ช. เปิดเผยว่า ข้อมูลข้างต้นได้รับการเสนอเข้าสู่ที่ประชุมหลังจากคณะ ส.ว. ราว 10 คน นำโดย พล.ต.ต.ฉัตรวรรษ แสงเพชร สมาชิกวุฒิสภา และอดีตผู้บังคับการตำรวจภูธรจังหวัดบุรีรัมย์ ได้ยื่นหนังสือถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภาเมื่อปลายเดือนกุมภาพันธ์ 2568 เพื่อให้ส่งเรื่องให้ ป.ป.ช. พิจารณาดำเนินการตามอำนาจหน้าที่ โดยเห็นว่าการกระทำของ พ.ต.อ.ทวี และ พ.ต.ต.ยุทธนา อาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อสมาชิกวุฒิสภาอย่างไม่เป็นธรรม และกระทบต่อหลักการปกครองในระบอบประชาธิปไตย
ทั้งนี้ ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ภายหลังมีการร้องเรียนและข่าวปรากฏสู่สาธารณะ กระทรวงมหาดไทย ในยุคนายอนุทิน ชาญวีรกูล ยังดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการฯ ได้มีหนังสือถึงผู้ว่าราชการจังหวัดทั่วประเทศ กำชับให้ฝ่ายปกครองเรียกดูหลักฐานการประสานงานอย่างเป็นทางการจากดีเอสไอ หากมีการเข้าพื้นที่ตรวจสอบการเลือกตั้ง โดยเฉพาะในช่วงที่ ส.ว. ชุดแรกกว่า 50 คนถูกหมายเรียกสอบสวน
ย้อนกลับไปก่อนหน้านี้ กลุ่ม ส.ว. ที่ถูกกล่าวหาในคดีฮั้วเลือกตั้ง ส.ว. ได้เคลื่อนไหวผ่านช่องทางรัฐสภา เพื่อร้องเรียนถึงความไม่เหมาะสมในการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ดีเอสไอ ซึ่ง ป.ป.ช. ได้มีมติรับเรื่องไว้ตรวจสอบเบื้องต้นเมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา และล่าสุดได้ยกระดับสู่การตั้งกรรมการไต่สวนข้อเท็จจริงอย่างเป็นทางการ
คดีนี้จึงกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญในความสัมพันธ์ระหว่างฝ่ายนิติบัญญัติและฝ่ายกระบวนการยุติธรรม ซึ่งยังต้องติดตามผลการไต่สวนว่าจะนำไปสู่ข้อสรุปอย่างไรต่อไป.


