ปรับครม.อนุทินไม่คืนเก้าอี้มหาดไทย-ฮั้วสว. ถูกเล่นงานการเมือง
อนุทิน ในฐานะหัวหน้าภูมิใจไทยเข้าพบนายกฯ แพทองธาร ยืนกรานปรับครม.ไม่ให้คืน เก้าอี้มหาดไทย เชื่อถูกเล่นงานการเมืองจากคดีฮั้วสว.
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ได้เข้าพบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ที่ทำเนียบรัฐบาล การพบกันครั้งนี้ตกเป็นประเด็นที่น่าจับตามองอย่างใกล้ชิด ท่ามกลางกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) และกรณีที่นายอนุทินถูกออกหมายเรียกในคดีฮั้ว สว. ซึ่งเจ้าตัวมองว่าเป็นการเล่นงานทางการเมือง
กระทรวงมหาดไทยยังคงเป็นของภูมิใจไทย?
ก่อนหน้านี้นายอนุทินได้ลงพื้นที่ตรวจราชการที่จังหวัดอุบลราชธานี การเข้าพบนายกรัฐมนตรีในครั้งนี้จึงถูกคาดการณ์ว่าจะมีการพูดคุยถึงหลายประเด็น รวมถึงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยที่มีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยอาจต้องการกลับมาดูแล
เมื่อถูกถามถึงประเด็นการปรับ ครม. นายอนุทินได้หัวเราะและกล่าวเพียงว่าเป็นการเข้ามารายงานเรื่องงานที่ลงพื้นที่มาเท่านั้น ส่วนความสัมพันธ์ระหว่างพรรคเพื่อไทยและพรรคภูมิใจไทยนั้น นายอนุทินระบุว่ายังไม่มีการพูดคุยกันถึงเรื่องการปรับ ครม. และการเข้าพบในครั้งนี้เป็นการเชิญของนายกรัฐมนตรี
หลังจากการหารือใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมงครึ่ง นายอนุทินยืนยันว่าไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องการปรับ ครม. เลย โดยนายกรัฐมนตรีได้เน้นย้ำเรื่องการทำงานเป็นหลัก โดยเฉพาะการปราบปรามยาเสพติดที่ต้องการให้ผู้ว่าราชการทุกจังหวัดเพิ่มความเข้มงวดมากขึ้น ซึ่งนายอนุทินได้รับบัญชามาดำเนินการอย่างเต็มที่
เมื่อถูกถามว่านี่เป็นสัญญาณว่าเขาจะได้นั่งเก้าอี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยต่อไปหรือไม่ นายอนุทินตอบอย่างมั่นใจว่า "ก็น่าจะเป็นอย่างนั้น" และยืนยันว่าตนไม่ได้เรียกร้องว่ากระทรวงมหาดไทยจะต้องเป็นของพรรคภูมิใจไทย โดยระบุว่านายกรัฐมนตรีคงจะให้สัมภาษณ์ในเรื่องนี้เพิ่มเติมในวันนี้ (17มิถุนายน2568)
อย่างไรก็ตาม มีรายงานข่าวระบุว่าการพบกันของนายอนุทินและนางสาวแพทองธารครั้งนี้ มีการพูดคุยถึงเรื่องการปรับ ครม. จริง และนายอนุทินมีท่าทีชัดเจนว่า ไม่ยอมให้มีการยึดกระทรวงมหาดไทยออกจากการดูแลของพรรคภูมิใจไทย
"อนุทิน" ฟ้องนายกฯ ปมคดีฮั้ว สว. เชื่อถูกเล่นงานทางการเมือง
อีกหนึ่งประเด็นสำคัญที่นายอนุทินได้หารือกับนายกรัฐมนตรีคือกรณีที่เขาถูกคณะกรรมการสืบสวนไต่สวนชุดที่ 26 ออกหมายเรียกให้ไปรับทราบข้อกล่าวหาในคดีฮั้ว สว.
นายอนุทินได้รายงานเรื่องนี้กับนายกรัฐมนตรี โดยชี้แจงว่ามี "ผู้ไม่หวังดี" ต้องการให้ตนมีเรื่องหรือมี "แผล" แต่ยืนยันว่าทุกคนต้องไปแก้ข้อกล่าวหาตามข้อเท็จจริง และคนที่ไม่ได้ทำผิดก็ต้องแก้ต่าง ในเรื่องนี้นายกฯ ถึงกับ "ส่ายหัว" เมื่อได้ฟังเรื่องราวที่มาที่ไปทั้งหมด
เมื่อถูกถามว่าคดีฮั้ว สว. ที่ชัดเจนว่าเป็นการเล่นงานทางการเมือง จะไม่ส่งผลกระทบต่อการทำงานของพรรคร่วมรัฐบาลใช่หรือไม่ นายอนุทินยืนยันว่า การออกหมายเรียกครั้งนี้เป็นการแจ้งข้อกล่าวหา ยังไม่ใช่สถานะ "ผู้ต้องหา" และใครก็สามารถกล่าวหาได้ ยกตัวอย่างเช่น ตนถูกกล่าวหาว่ามีเจตนาล้มล้างระบอบประชาธิปไตย ทั้งที่ตนเป็น สส. ที่มาจากการเลือกตั้งตามระบอบประชาธิปไตย ซึ่งเป็นสิ่งที่ขัดแย้งกันอย่างสิ้นเชิง
นายอนุทินชี้แจงเพิ่มเติมถึงข้อกล่าวหาเรื่องเส้นทางการเงินไปสนับสนุน สว. โดยระบุว่าตนรู้จัก สว. เพียงไม่เกิน 5 คนเท่านั้น ที่สนิทที่สุดคือ พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา ซึ่งเป็นเพื่อนร่วมหลักสูตร วปอ. และนายวุฒิชาติ กัลยาณมิตร เพื่อนร่วมหลักสูตร วตท. รวมถึงนายมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา ที่มีบ้านอยู่บุรีรัมย์และเคยเป็นอธิบดีกรมการปกครอง นอกเหนือจากนี้ตนไม่รู้จัก สว.คนอื่นเลย
นายอนุทินย้ำว่าตนจะไปแก้ข้อกล่าวหาตามความจริงว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้อง และมั่นใจว่าเรื่องนี้จะไม่ทำให้การเมืองสะดุดลงอย่างแน่นอน


