สรรเพชญเตือนรัฐบาลอย่าหลงเกมอำนาจจี้แก้ปัญหาเศรษฐกิจ
สรรเพชญ บุญญามณี เตือนรัฐบาล ศึกนอก–ศึกในรุมเร้า จี้มีสติเร่งแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้อง หยุดโรงงานกดราคาปาล์ม
เมื่อวันที่ 15 มิถุนายน 2568 นายสรรเพชญ บุญญามณี ส.ส.สงขลา แสดงความห่วงใยต่อสถานการณ์การเมืองและเศรษฐกิจของประเทศ พร้อมเตือนรัฐบาลว่ากำลังเผชิญกับทั้ง “ศึกภายนอก” และ “ศึกภายใน” อย่างหนัก จึงจำเป็นต้องมีสมาธิ ตั้งหลักให้มั่น และเร่งเดินหน้าแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องของประชาชนโดยไม่มัวแต่จมอยู่กับเกมการเมือง
นายสรรเพชญ แบ่งข้อสังเกตออกเป็น 3 ประเด็นสำคัญ เริ่มจาก ศึกภายนอก ซึ่งหมายถึงความสัมพันธ์ไทย–กัมพูชาที่ตึงเครียดในช่วงนี้ โดยมองว่าไม่ใช่เพียงแค่ปัญหาเขตแดน หากแต่เป็นการแข่งขันด้านอิทธิพลในภูมิภาคลุ่มน้ำโขงและอินโดจีนตอนล่าง ประเทศไทยซึ่งมีศักยภาพสูงในภูมิภาคนี้ ควรใช้ “ทุนทางการทูต” ที่สั่งสมมาจากความสัมพันธ์ของผู้นำทั้งสองประเทศ เพื่อประคองสถานการณ์ มิใช่ปล่อยให้สถานการณ์บานปลายจนต่างชาติแทรกแซง
“วันนี้อาเซียนไม่ใช่แค่พื้นที่ความร่วมมืออีกต่อไป แต่เป็นสนามแข่งขันของอำนาจและผลประโยชน์ ไทยต้องคิดและวางแผนเชิงยุทธศาสตร์ หากปล่อยให้ความสัมพันธ์กับเพื่อนบ้านพังลง ความมั่นคงในระยะยาวจะยิ่งเสี่ยง” นายสรรเพชญกล่าว พร้อมเสนอให้รัฐบาลเปิดใจรับฟังข้อเสนอจากฝ่ายความมั่นคงที่มีข้อมูลภาคสนามจริงและเข้าใจบริบทในพื้นที่อย่างลึกซึ้ง
ศึกภายใน เป็นอีกประเด็นที่เขาชี้ว่ากำลังทำลายศรัทธาของประชาชนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะกรณีการแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาล ซึ่งสะท้อนการเมืองแบบไร้วิสัยทัศน์ ขณะที่ประชาชนกำลังเดือดร้อนจากค่าครองชีพสูง หนี้สินพอกพูน และภาวะเศรษฐกิจถดถอยกลับเห็นแต่นักการเมืองเล่นเกมเก้าอี้ดนตรีรายวัน
สุดท้ายในด้าน เศรษฐกิจ โดยเฉพาะวิกฤตราคาปาล์มน้ำมัน นายสรรเพชญระบุว่า เกษตรกรในภาคใต้กำลังเดือดร้อนหนักจากการที่โรงงานและลานรับซื้อบางแห่งหยุดรับซื้อ หรือจำกัดปริมาณ ทำให้รถบรรทุกต้องรอคิวยาวหลายกิโลเมตร ทั้งที่ราคาน้ำมันปาล์มขวดในห้างกลับปรับสูงขึ้น
นายสรรเพชญ เรียกร้องให้รัฐมนตรีที่เกี่ยวข้อง โดยเฉพาะกระทรวงพาณิชย์และกระทรวงเกษตรฯ เร่งลงพื้นที่ แก้ปัญหาเชิงระบบ และไม่ปล่อยให้กลไกตลาดถูกบิดเบือนโดยผู้มีอำนาจซื้อเพียงฝ่ายเดียว พร้อมเสนอให้รัฐบาลหันมาลงทุนในโครงสร้างพื้นฐาน การพัฒนาทักษะแรงงาน และระบบการศึกษาเพื่อสร้างความสามารถในการแข่งขันของไทยในระยะยาว
“วันนี้ประชาชนไม่ได้อยากรู้ว่าใครจะได้เป็นรัฐมนตรี แต่ต้องการรู้ว่ารัฐบาลจะพาเขาและประเทศเดินไปข้างหน้าอย่างไรให้มั่นคงและยั่งยืน” นายสรรเพชญกล่าว