รวมไทยสร้างชาติแตก 3 ก๊ก! ชิงเก้าอี้ รมต. สั่นคลอน กกต. สางคดี สว.
รวมไทยสร้างชาติป่วนหนัก 3 ก๊ก พีระพันธุ์-เอกนัฏ-สุชาติ ชิงอำนาจ หวังเก้าอี้รัฐมนตรีสั่นคลอนพรรค ขณะ กกต. เผชิญแรงกดดันเร่งสางคดีเลือกตั้ง สว. ชี้ชะตาการเมืองไทย
สถานการณ์การเมืองไทยกำลังเผชิญกับความผันผวนจากสองประเด็นหลักที่น่าจับตาอย่างยิ่ง
หนึ่งคือวิกฤตความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.)
และอีกหนึ่งคือการพิจารณาคดีการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.)
ซึ่งล้วนส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและทิศทางของประเทศ
ความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ: 3 ก๊ก แย่งชิงอำนาจ
พรรครวมไทยสร้างชาติกำลังประสบปัญหาความแตกแยกภายในอย่างรุนแรง
โดยมีการแบ่งกลุ่มออกเป็น 3 ก๊กหลัก
- ก๊กหัวหน้าพรรค (นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค) ที่มี ส.ส. ประมาณ 10 คน
- ก๊กเลขาธิการพรรค (นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์) ที่มี ส.ส. จำนวนหนึ่ง
- ก๊กนายสุชาติ ชมกลิ่น ซึ่งมี ส.ส. ในสังกัดประมาณ 17-18 คน
ส่วนใหญ่เป็น ส.ส. ที่ย้ายมาจากพรรคพลังประชารัฐ
นอกจากนี้ ยังมี ส.ส. อีกราว 1 คน คือ นายอนุชา บูรพชัยศรี
ที่ยังรอดูท่าทีและเป็นสายตรงของ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา
สาเหตุหลักของความขัดแย้งเหล่านี้มาจาก การแย่งชิงตำแหน่งรัฐมนตรี ในการปรับคณะรัฐมนตรีที่กำลังจะมาถึง
ซึ่งแต่ละก๊กต่างต้องการรักษาโควต้าเก้าอี้ของตนเอง
รวมถึงความไม่พอใจในการบริหารพรรค และการที่พรรคขาดผู้นำทางจิตวิญญาณ
หลังจาก พล.อ.ประยุทธ์ ไม่ได้มีบทบาททางการเมืองในพรรคแล้ว
ยิ่งไปกว่านั้น ยังมีกระแสข่าวว่านายสุชาติ ชมกลิ่น พยายามร่วมมือกับนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์
เพื่อขับนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค
ความแตกแยกภายในส่งผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อพรรครวมไทยสร้างชาติ
โดยทำให้อำนาจต่อรองของพรรคในการจัดตั้งรัฐบาลหรือการเจรจาทางการเมืองลดลงอย่างมาก
สถานการณ์นี้สะท้อนให้เห็นถึงอนาคตที่ไม่แน่นอนของพรรค
และยังเป็นปัจจัยที่นายกรัฐมนตรีต้องนำมาพิจารณาในการปรับ ครม.
กกต. กับภารกิจพิจารณาคดีเลือกตั้ง สว. ความท้าทายและการตรวจสอบ
ในอีกด้านหนึ่ง คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) กำลังเผชิญกับแรงกดดันอย่างหนัก
ในการพิจารณาสำนวนคดีเกี่ยวกับการเลือกตั้ง สว. ซึ่งมีจำนวนมากถึง 591 เรื่อง
แม้ว่า กกต. จะได้ดำเนินการแล้วเสร็จไปกว่า 436 เรื่อง มีการยื่นคำร้องต่อศาลแล้ว 13 สำนวน
และดำเนินคดีอาญาแล้ว 10 สำนวน
แต่คาดว่าคณะอนุกรรมการสืบสวนไต่สวนจะส่งสำนวนทั้งหมดให้ กกต. ชุดใหญ่พิจารณา
ภายในวันที่ 16 มิถุนายนนี้
ประเด็นที่น่าจับตาคือการทำงานของ "7 เสือ กกต." ซึ่งเป็นคณะอนุกรรมการที่ประกอบด้วย
เจ้าหน้าที่จาก กกต. และ DSI ที่ทำหน้าที่สืบสวนและไต่สวนคดี
รวมถึงการนำเทคโนโลยี AI เข้ามาช่วยในการตรวจสอบ และประมวลผลข้อมูลเพื่อตรวจจับความผิดปกติ
อย่างไรก็ตาม ยังมีประเด็นที่สร้างข้อครหาให้กับ กกต. ไม่ว่าจะเป็นกระแสข่าวลือเรื่อง การวิ่งเต้น
เพื่อให้พ้นผิดในคดีต่างๆ ซึ่งมีการพูดถึงตัวเลข "5, 6, 10" ที่อาจหมายถึงจำนวนเงินหรือแพ็คเกจในการช่วยเหลือ
นอกจากนี้ ยังมีข้อสังเกตเกี่ยวกับการแต่งตั้งบุคคลในครอบครัวและคนใกล้ชิดเข้ามาดำรงตำแหน่งต่างๆ
ในสำนักงาน กกต. ซึ่งอาจนำไปสู่ผลประโยชน์ทับซ้อนได้
การตัดสินใจของ กกต. ในคดีการเลือกตั้ง สว. นี้จะมีความสำคัญอย่างยิ่ง และจะส่งผลกระทบอย่างมาก
ต่อโครงสร้างอำนาจทางการเมืองของประเทศในอนาคต
ทั้งความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติและการทำงานของ กกต.ในการพิจารณาคดีเลือกสว.
ล้วนเป็นปัจจัยสำคัญที่กำลังกำหนดทิศทางและความมั่นคงทางการเมืองของประเทศไทยในปัจจุบัน
เนื้อหาประกอบข่าว เนชั่นอินไซต์


