สุชาติแฉเอกนัฏต่อสายล้มพีระพันธุ์ ยัน 21 ส.ส.เซ็นชื่อจริง
ศึกในพรรครวมไทยสร้างชาติเดือด! สุชาติเผยเอกนัฏโทรขอร่วมโค่นพีระพันธุ์ พร้อมย้ำ 21 ส.ส.เซ็นชื่อขอปรับ ครม. จริง แม้บางคนออกมาปฏิเสธ
พรรครวมไทยสร้างชาติระอุ! “สุชาติ” แฉ “เอกนัฏ” โทรขอเสียงโค่น “พีระพันธุ์” ยัน 21 ส.ส.เซ็นจริง
ความขัดแย้งภายในพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ปะทุขึ้นอีกครั้ง หลัง นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ และรองหัวหน้าพรรค รทสช. ออกมาเปิดเผยในรายการ เจาะลึกทั่วไทย Inside Thailand ว่า นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม และเลขาธิการพรรค รทสช. ได้โทรศัพท์มาขอให้ร่วมมือกัน “โค่น” หัวหน้าพรรค นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค โดยมีเป้าหมายให้เอกนัฏขึ้นเป็นหัวหน้าแทน
สุชาติกล่าวว่า การโทรศัพท์เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 3 มิถุนายน หลังจากมีกระแสข่าวว่า ส.ส.จำนวน 21 คน ยื่นหนังสือต่อนายกรัฐมนตรี น.ส.แพทองธาร ชินวัตร เรียกร้องให้มีการปรับคณะรัฐมนตรีในสัดส่วนของพรรค รทสช. โดยระบุว่า “เพื่อน” คนหนึ่งของตนบอกว่า เอกนัฏอยากให้เขารับสายและร่วมมือกันขับไล่พีระพันธุ์ออกจากตำแหน่งหัวหน้าพรรค ซึ่งสุชาติปฏิเสธและไม่ขอเปิดเผยชื่อเพื่อนคนนั้น พร้อมยืนยันว่าเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นจริง
“ผมไม่รับสาย เพราะผมไม่เชื่อใจ และถ้ารับแล้วถูกอัดเสียงไว้ล่ะ จะกลายเป็นว่าผมเสียเอง” สุชาติกล่าว
สุชาติยังยืนยันว่า รายชื่อ ส.ส. 21 คนที่เซ็นชื่อยื่นหนังสือ เป็นของจริงทั้งหมด แม้จะมีบางคนออกมาปฏิเสธในภายหลัง ซึ่งเขาอธิบายว่าอาจเป็นเพราะความกดดันทางการเมือง โดยเฉพาะ ส.ส.เขตที่ต้องเผชิญกับเสียงวิจารณ์จากประชาชน
“ถ้าเขาไม่เซ็นจริง ก็คงฟ้องผมไปแล้ว แต่จนถึงวันนี้ไม่มีใครกล้าฟ้อง แถมยังมีรูปชัดๆ ว่านั่งกินข้าวกันพร้อมหน้า” สุชาติกล่าวเสริม
สุชาติยังวิจารณ์การบริหารภายในพรรคว่า ถูกควบคุมโดย “9 อรหันต์” ซึ่งไม่มี ส.ส.อยู่ในกลุ่มเลย พร้อมตั้งคำถามว่าโครงสร้างแบบนี้จะพาพรรคเดินหน้าไปได้อย่างไร และบ่นว่า สมาชิกพรรคไม่มีสิทธิ์มีเสียงอะไรเลย
นอกจากนี้ เขายังพาดพิงถึง “ชุดสุดซอย” ที่เอกนัฏตั้งขึ้นมาในกระทรวงอุตสาหกรรมว่า ดูภายนอกเหมือนทำงานเชิงรุก แต่เบื้องหลังกลับมี “ทีมตามเก็บ” ที่คอยจัดการกับฝ่ายตรงข้ามในพรรค
“เดี๋ยวอีกไม่นานทุกอย่างจะเปิดเผยหมด ว่าอะไรเป็นอะไร” สุชาติทิ้งท้าย
ประเด็นนี้สะท้อนความร้อนแรงของศึกภายในพรรค รทสช. ที่ยังไม่มีทีท่าจะคลี่คลาย และอาจนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงใหญ่ในโครงสร้างพรรคในอนาคตอันใกล้