รัฐบาลแพทองธารเร่งปิดจบเกมปรับครม.สกัดภูมิใจไทยหักเพื่อไทย
กระแสปรับ ครม. ลากยาวกระทบเสถียรภาพ"รัฐบาลแพทองธาร" เดิมพันอำนาจ-ความอยู่รอด เร่งปิดจบสกัดภูมิใจไทยหักเพื่อไทย
กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรีที่วนเวียนมานานกว่า 6 เดือน ส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพและความเชื่อมั่นของรัฐบาล “แพทองธาร ชินวัตร” อย่างเลี่ยงไม่ได้ ทั้งในหมู่ข้าราชการที่ตกอยู่ในโหมด “เกียร์ว่าง” รอความชัดเจน ขณะที่ภาคธุรกิจก็ชะลอการลงทุนเพราะกังวลว่านโยบายอาจเปลี่ยนไป
จุดเปราะทางการเมืองเกิดจากความเห็นต่างระหว่าง “อดีตนายกฯทักษิณ” ผู้ต้องการยึดกระทรวงมหาดไทยคืนจาก “อนุทิน ชาญวีรกูล” หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย และพร้อมเปิดศึกกับเครือข่าย “สีน้ำเงิน” กับ “นายกฯแพทองธาร” ที่ยังพยายามรักษาสมดุลไม่ให้พรรคร่วมแตกหัก เพราะเดิมพันครั้งนี้ไม่ได้มีแค่อำนาจทางการเมือง แต่รวมถึงความมั่นคงของ “ตระกูลชินวัตร”
ขณะที่ฝ่าย “ครูใหญ่เนวิน” เดินเกมสวนกลับอย่างต่อเนื่อง ทั้งการฝังฐานเสียงระดับท้องถิ่น สยายอิทธิพล ส.ว. และวางคนของเครือข่ายเข้าสู่องค์กรอิสระ จน “ทักษิณ” ต้องเดินเครื่องเต็มสูบ เปิดคดีฮั้วโหวต ส.ว. และใช้การปรับ ครม. เป็นเครื่องมือรุกกลับ ยึดกระทรวงหลักกลับคืน
แม้ “แพทองธาร” จะเคยยืนยันไม่คิดปรับ ครม. ในช่วงก่อนเดือนมิถุนายน แต่ช่วง 1–2 สัปดาห์ที่ผ่านมา ท่าทีเริ่มเปลี่ยน โดยเปิดช่องว่า “อยู่ระหว่างพิจารณา”
ดีลแลกกระทรวง: ทักษิณ vs ภูมิใจไทย
ตามแนวทางของ “ทักษิณ” เป้าหมายชัดเจนคือกระทรวงมหาดไทย แต่ต้องแลกกับกระทรวงอื่น ซึ่งยังไม่มีข้อสรุปว่าจะเป็นกระทรวงคมนาคม หรือพาณิชย์ที่พ่วง รมว. หรือ รมช. แม้มีการโยนหินถามทาง แต่ภูมิใจไทยยังไม่ตอบรับใด ๆ
สถานการณ์จึงต้องวัดใจกันที่ระดับ “ทักษิณ-เนวิน” ว่าจะเปิดโต๊ะเจรจาและแลกเปลี่ยนแบบยื่นหมูยื่นแมวกันได้หรือไม่
ภูมิใจไทยยึดโควตาเดิม ไม่ถอย
แหล่งข่าวชี้ว่า “อนุทิน” แม้พร้อมเจรจาและยอมสละ “มหาดไทย” หากได้กระทรวงเกรดเออื่นแทน แต่ล่าสุด “เนวิน ชิดชอบ” ส่งสัญญาณชัด พร้อมสู้ไม่ถอย ยืนยันผ่านมติพรรคว่า จะรักษาโควตารัฐมนตรีเดิม ไม่สลับแม้แต่กระทรวงเดียว พร้อมชูผลงานรัฐมนตรีพรรคเป็นเครื่องยืนยันว่าไม่มีเหตุเปลี่ยนตัว
จับตาว่า “เนวิน–ลูกพรรคสีน้ำเงิน” เตรียมขยับอย่างเป็นระบบในสัปดาห์นี้ เพื่อสกัดไม่ให้ “ทักษิณ–เพื่อไทย” รุกคืบ โดยอาศัยฐานะพรรคร่วมรัฐบาลเป็นข้อได้เปรียบ
นักวิ่งขอเก้าอี้-ศึกใน พท.ปะทุ
ในพรรคเพื่อไทยเอง เริ่มมีความเคลื่อนไหวของกลุ่มที่หวังเสียบเก้าอี้รัฐมนตรี โดยพยายามวิ่งล็อบบี้ “V1–V3” ส่งชื่อพ่อ–พี่–น้อง เข้าสู่โผ ครม. โดยเฉพาะอดีตรัฐมนตรีที่เคยอยู่ในรัฐบาลเศรษฐา เช่น จักรพงษ์ แสงมณี, เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช, ชลน่าน ศรีแก้ว และสุทิน คลังแสง
อย่างไรก็ดี “นายใหญ่–นายน้อย” ยังไม่ต้องการให้มีการเคลื่อนไหวเชิงต่อรอง เพราะอาจกระทบดีลหลักกับพรรคร่วม จึงต้องจับตาว่ากลุ่มนักวิ่งเหล่านี้จะได้รับการตอบสนองหรือไม่
รวมไทยสร้างชาติ ส่อแตกร้าว
ด้านพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) เกิดแรงสั่นสะเทือนหลัง “สุชาติ ชมกลิ่น” รมช.พาณิชย์ แสดงความเคลื่อนไหวเขย่าเก้าอี้ “พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค” รองนายกฯ และ “เอกนัฏ พร้อมพันธุ์” รมว.อุตสาหกรรม หวังพลิกดีลไปนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีเสียเอง พร้อมส่งสัญญาณแยกวงไปอยู่กับ “พรรคโอกาสใหม่”
อย่างไรก็ตาม “พีระพันธุ์–เอกนัฏ” ยังเดินหน้าเช็กยอด ส.ส.ในมือ และเตรียมวัดพลังภายในว่า รทสช.จะเดินหน้าต่อกับใคร
กล้าธรรมพลาดเป้า–งูเห่าหายเงียบ
อีกฟากหนึ่ง พรรคกล้าธรรม ของ “ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า” ที่เคยลั่นวาจาว่ามี “งูเห่า 11 คน” กลับไร้เงาในการโหวตร่าง พ.ร.บ.งบประมาณ 2569 จนแผนเจรจาเก้าอี้รัฐมนตรีต้องสะดุด แม้มีความพยายามผลักดัน “นฤมล ภิญโญสินวัฒน์” กลับไปรับตำแหน่ง รมช.คลัง แต่ดีลถูกล้มในนาทีสุดท้าย ทำให้พรรคต้องรักษาเก้าอี้ รมว.เกษตรฯ เอาไว้เช่นเดิม
บทสรุปเดือนชี้ชะตา
เกมปรับ ครม.ในรอบนี้ คือศึกวัดใจระหว่าง “เบอร์หนึ่ง–เบอร์สอง” ของรัฐบาล ไม่ว่าจะจบลงด้วยดีลแลกกระทรวงหรือการแตกหัก ก็ล้วนเป็นจุดตัดสำคัญว่า “รัฐบาลแพทองธาร” จะอยู่ครบวาระ หรือสะดุดตั้งแต่กลางทาง คำตอบน่าจะชัดเจนภายในเดือนมิถุนายนนี้.