มติสภาฯ 454เสียง ผ่านร่างพ.ร.บ.พระคลังข้างที่ 3 วาระรวด
ร่าง พ.ร.บ.เปลี่ยนชื่อ “สำนักงานทรัพย์สินฯ” เป็น “พระคลังข้างที่” ผ่านสภาด้วย 454 เสียง ฝ่ายค้านหนุนหลักการแต่ติงกระบวนการเร่งรัด
เมื่อวันที่ 28 พฤษภาคม 2568 ที่ประชุมสภาผู้แทนราษฎรสมัยวิสามัญ พิจารณาร่างพระราชบัญญัติจัดระเบียบทรัพย์สินพระมหากษัตริย์ (ฉบับที่...) พ.ศ. ... ซึ่งเสนอโดยคณะรัฐมนตรี มีสาระสำคัญในการเปลี่ยนชื่อหน่วยงานจาก “สำนักงานทรัพย์สินพระมหากษัตริย์” เป็น “สำนักงานพระคลังข้างที่” พร้อมโอนภารกิจบางส่วนจากสำนักพระราชวังมายังหน่วยงานใหม่ เพื่อให้สอดคล้องกับบทบาทการดูแลพระราชทรัพย์ตามประวัติศาสตร์
แม้เนื้อหากฎหมายจะไม่มีการเปลี่ยนแปลงสาระหลักจากกฎหมายปี 2561 ที่ตราขึ้นในยุครัฐบาล คสช. แต่ผู้นำฝ่ายค้าน นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน ได้อภิปรายแสดงความกังวลถึงกระบวนการพิจารณาที่ใช้ “กรรมาธิการเต็มสภา” และผ่านทั้ง 3 วาระในวันเดียว โดยเห็นว่าเรื่องที่เกี่ยวข้องกับทรัพย์สินของสถาบันพระมหากษัตริย์ควรได้รับการพิจารณาอย่างรอบคอบเพื่อสร้างความโปร่งใสและไม่ก่อให้เกิดความเคลือบแคลงใจในสังคม
“ไม่คัดค้านเนื้อหา แต่ไม่เห็นด้วยกับการเร่งรัดแบบนี้” นายณัฐพงษ์ กล่าว
ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอย่าง นายจุติ ไกรฤกษ์ จากพรรครวมไทยสร้างชาติ ยืนยันว่าร่าง พ.ร.บ. ฉบับนี้ไม่เพียงเปลี่ยนชื่อ แต่ยังสะท้อนหลักความมั่นคงของประเทศและความโปร่งใสในการดูแลพระราชทรัพย์
ต่อมา ที่ประชุมลงมติรับหลักการวาระแรก ด้วยเสียงเห็นชอบ 451 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง และในวาระที่สองและสาม มีมติเห็นชอบ 454 เสียง งดออกเสียง 2 เสียง ไม่มีผู้ไม่เห็นด้วย
แม้ฝ่ายค้านบางส่วนยังย้ำให้ใช้กระบวนการปกติในการพิจารณา แต่ประธานที่ประชุม นายพิเชษฐ์ เชื้อเมืองพาน รองประธานสภาฯ ได้ชี้แจงว่าคณะรัฐมนตรีมีสิทธิขอให้ใช้กรรมาธิการเต็มสภาได้ตามข้อบังคับการประชุม จึงดำเนินการตามนั้น
ทั้งนี้ ร่างกฎหมายดังกล่าวประกอบด้วย 6 มาตรา โดยสาระสำคัญอยู่ที่ 3 มาตราเท่านั้น ซึ่งนายชูศักดิ์ ศิรินิล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ชี้แจงว่า เพื่อความสง่างามและรวบรัด จึงเลือกใช้กระบวนการพิเศษ


