ปรากฎการณ์ทักษิณกอดอนุทิน สัญญาณใหม่หรือแค่กลยุทธ์ชั่วคราว
เมื่อคู่ขัดแย้งทางการเมืองอย่างทักษิณ–อนุทิน และสนธิ–จตุพร ปรากฏตัวร่วมกัน ภาพกอดกลายเป็นสัญญาณใหม่ หรือเพียงแค่กลยุทธ์ชั่วคราว?
ในห้วงเวลาที่การเมืองไทยยังคงปกคลุมด้วยความไม่แน่นอน ภาพ "กอด" ระหว่างอดีตคู่ขัดแย้งทางการเมือง เช่น ทักษิณ ชินวัตร กับ อนุทิน ชาญวีรกูล หรือการปรากฏตัวร่วมกันของ สนธิ ลิ้มทองกุล กับ จตุพร พรหมพันธุ์ กลายเป็นประเด็นที่ถูกพูดถึงอย่างกว้างขวาง สัญลักษณ์เหล่านี้นำมาสู่คำถามสำคัญว่า เรากำลังอยู่ในช่วงเปลี่ยนผ่านทางการเมืองที่แท้จริง หรือเพียงฉากหน้าในเกมอำนาจแบบเดิม
การโอบกอดในพื้นที่สาธารณะของนักการเมืองต่างขั้ว ถูกมองได้หลายมิติ—อาจเป็นการเยียวยารอยร้าวเก่า หรือเป็นเพียงกลยุทธ์สร้างภาพเพื่อผลประโยชน์เฉพาะหน้า นักวิเคราะห์บางส่วนชี้ว่า การแสดงความสัมพันธ์เหล่านี้อาจช่วยลดแรงต้านหรือเบี่ยงเบนความสนใจจากประเด็นร้อน ขณะที่อีกฝ่ายมองว่า เป็นการส่งสัญญาณถึงการจัดขั้วอำนาจใหม่ในระบบที่ยังอิงอยู่กับกลไกที่ไม่เป็นประชาธิปไตยอย่าง สว.
ท่ามกลางข่าวลือเรื่องสุขภาพ ความเคลื่อนไหวของทักษิณกลับปรากฏถี่ขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพูดถึงอดีตยุคปราบยาเสพติดหรือการออกรายการตอบโต้ข่าวลือ ทั้งหมดล้วนสะท้อนความพยายามสื่อสารกับ "ฐานเสียงดั้งเดิม" โดยเฉพาะในช่วงที่คะแนนนิยมอาจถูกสั่นคลอนจากเกมอำนาจภายในพรรคร่วมรัฐบาล
คำพูดของทักษิณที่พาดพิงถึง "คนปั่น" หรือบุคคลที่ยุยงความขัดแยกระหว่างมวลชนเสื้อแดง-เสื้อน้ำเงิน ชี้ให้เห็นว่า ความขัดแย้งในอดีตยังคงถูกใช้เป็นเครื่องมือทางการเมืองในปัจจุบัน นักวิเคราะห์บางรายเตือนว่า การชี้นิ้วอาจสะท้อนถึงความหวาดระแวงในเกมอำนาจมากกว่าความปรองดองอย่างแท้จริง
ในขณะที่ทักษิณรุกคืบในเชิงสื่อ การเคลื่อนไหวในระดับกฎหมายก็ไม่อาจมองข้าม โดยเฉพาะความเป็นไปได้ในการรื้อฟื้นคดีของยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่งอาจส่งผลสะเทือนต่อเครือข่ายทางการเมืองอย่างมีนัยสำคัญ บวกกับการตั้งคำถามด้านจริยธรรมในวิชาชีพแพทย์ ยิ่งทำให้ภาพลักษณ์ของกลุ่มอำนาจเก่าใหม่สั่นคลอน
ข่าวลือเรื่องการลาออกของนายกรัฐมนตรีและการยุบสภา สะท้อนถึงภาวะเปราะบางของรัฐบาลผสม การวิเคราะห์ชี้ว่า หากยุบสภาในเวลานี้ อาจเปิดช่องให้เกิดแรงสั่นสะเทือนในพรรคร่วม โดยเฉพาะระหว่างเพื่อไทยและภูมิใจไทย ซึ่งอาจยังไม่พร้อมรับศึกเลือกตั้งซ้ำในสถานการณ์ที่ฐานเสียงยังไม่มั่นคง
ประเด็นการ "ฮั้วสว."กลับมาเป็นที่สนใจในฐานะกลไกควบคุมอำนาจแบบนอกระบบ สะท้อนถึงโครงสร้างอำนาจที่ยังขัดกับเจตนารมณ์ประชาธิปไตย และเป็นปัจจัยหลักที่อาจกำหนดอนาคตของรัฐบาลหรือการจัดตั้งรัฐบาลใหม่ในอนาคต
ปรากฏการณ์ "กอด" ทางการเมืองไม่ใช่เรื่องเล็กในห้วงเวลานี้ เพราะมันอาจเป็นสัญญาณของการเปลี่ยนขั้วอำนาจ หรือเพียงฉากหน้าของการปรับยุทธศาสตร์เพื่อความอยู่รอดในระยะสั้น ความจริงใจของนักการเมืองจะต้องถูกพิสูจน์ด้วยการกระทำ ไม่ใช่แค่ท่าทางบนเวที
สิ่งที่ประชาชนควรจับตาในระยะต่อไป ไม่ใช่เพียงว่าผู้ใด "กอด" กับใคร แต่คือ ใครได้ประโยชน์จากการกอดนั้น และการกอดนี้จะนำไปสู่ "การเปลี่ยนแปลงที่แท้จริง" หรือวนกลับสู่เกมเดิมในฉากใหม่เท่านั้น.
ที่มาประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นอินไซต์


