เปิดสัมพันธ์ ภูมิธรรม–จตุพร จากมิตรแนวร่วมสู่ต่างจุดยืน
เปิดมุมสัมพันธ์แนวร่วมเก่า จตุพร– ภูมิธรรม ไม่ห่วงจับมือสนธิ ชี้ทุกฝ่ายเคลื่อนไหวได้หากอยู่ในกฎหมาย รัฐบาลพร้อมรับฟัง
นายภูมิธรรม เวชชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม แสดงความเห็นต่อกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ อดีตประธาน นปช. และวิทยากรกลุ่มหลอมรวมประชาชน ขึ้นเวที “ความจริงมีเพียงหนึ่งเดียว” จับมือกับนายสนธิ ลิ้มทองกุล อดีตคู่ขัดแย้งบนเวทีการเมืองว่า
“ยังไม่ทราบรายละเอียด แต่ไม่เป็นไร ใครอยากคิดหรือทำอะไรก็ขอให้อยู่ในกรอบของกฎหมาย รัฐบาลเราทำงานเต็มที่ และยินดีรับฟังทุกความเห็น”
คำตอบของภูมิธรรมสะท้อนจุดยืนที่มั่นคง แม้บุคคลที่เคยร่วมอุดมการณ์เดียวกันอย่างจตุพร จะหันไปเดินบนเส้นทางใหม่ร่วมกับฝ่ายที่เคยตรงข้ามกันมาก่อน
จากมิตรแนวร่วมสู่คนละเส้น แต่ไม่ใช่ศัตรู
ภูมิธรรม–จตุพร คือความสัมพันธ์ที่เริ่มต้นจากการต่อสู้ร่วมกันเพื่อประชาธิปไตย แต่เมื่อกาลเวลาเปลี่ยน บทบาทและวิธีคิดของทั้งสองก็ปรับเปลี่ยนไปตามบริบท
อดีตแนวร่วมประชาธิปไตย
ทั้งคู่เคยยืนเคียงข้างกันในยุครัฐบาลทักษิณ และช่วงการเคลื่อนไหวของกลุ่ม นปช. โดยภูมิธรรมเป็นฝ่ายยุทธศาสตร์ของพรรคเพื่อไทย ขณะที่จตุพรเป็นแกนนำมวลชน
แยกเส้นทางหลังรัฐประหาร
ภายหลังรัฐประหารปี 2557 ภูมิธรรมยังคงอยู่ในโครงสร้างพรรคเพื่อไทย ขณะที่จตุพรเลือกเส้นทางนอกสภา ตั้งกลุ่ม “ไทยไม่ทน” วิพากษ์ทั้งรัฐบาลและพรรคฝ่ายค้าน โดยเฉพาะเพื่อไทยที่ถูกมองว่าขาดจุดยืนชัดเจน
กลับมาร่วมจุดยืน เมื่อศัตรูคืออำนาจเผด็จการ
ในสถานการณ์ที่ประชาธิปไตยถูกคุกคาม ทั้งการยุบพรรคหรือการสืบทอดอำนาจโดยไม่ผ่านประชาชน ทั้งภูมิธรรมและจตุพรต่างแสดงจุดยืนร่วมกันในการต่อต้านอำนาจที่ไม่เป็นธรรม
สัมพันธ์แบบยอมรับ แม้ต่างทิศ
จตุพรเคยกล่าวว่า “ผมไม่เห็นด้วยกับเพื่อไทยบางเรื่อง แต่ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นศัตรู” ด้านภูมิธรรมก็ไม่เคยตอบโต้ แม้ถูกพาดพิง นั่นสะท้อนความเป็นผู้ใหญ่ทางการเมืองที่ยังรักษาระยะห่างแบบเคารพกัน
แม้จะไม่ได้ร่วมขบวนกันเช่นในอดีต แต่ความสัมพันธ์ของภูมิธรรม–จตุพร คือภาพสะท้อนของแนวร่วมทางอุดมการณ์ที่ยังเดินขนานกันอยู่ในสนามประชาธิปไตย ต่างมีแนวทางและพื้นที่ของตนเอง แต่ไม่ปฏิเสธกัน ไม่สร้างศัตรูโดยไม่จำเป็น และพร้อมรับฟังความเห็นต่างบนพื้นฐานของกฎหมาย
“เราทำหน้าที่ให้สมบูรณ์ รัฐบาลเราทำงาน และเรายินดีจะรับฟัง” ถ้อยคำจากภูมิธรรม อาจกลายเป็นจุดเริ่มของความเข้าใจ ท่ามกลางความหลากหลายของพลังประชาชน.


