กกต.เรียก สว.ล็อต 3 รับทราบข้อกล่าวหาคดีฮั้ว 29 พ.ค.นี้
คณะกรรมการการเลือกตั้งออกหมายเรียกสมาชิกวุฒิสภาล็อตที่ 3 แล้วกว่า 90 ราย ให้มาชี้แจงข้อกล่าวหาในคดี "โพยฮั้ว สว." โดยกำหนดนัดพบวันที่ 29 พฤษภาคม 2568
คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ได้ออกหนังสือหมายเรียกสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ล็อตที่ 3 จำนวนกว่า 90 ราย ให้เข้าพบคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเพื่อรับทราบข้อกล่าวหาและชี้แจงในคดี "โพยฮั้ว สว."
หนังสือฉบับดังกล่าวออกเมื่อวันที่ 20 พฤษภาคม โดยมี ร.ต.อ.ชนินทร์ น้อยเล็ك รองเลขาธิการ กกต. ในฐานะประธานคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเป็นผู้ลงนาม กำหนดให้ผู้ถูกเรียกเข้าพบในวันพฤหัสบดีที่ 29 พฤษภาคม 2568 ณ สำนักงาน กกต. อาคารศูนย์ราชการ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร
ลำดับการเรียกตัวเป็น 3 ล็อต
การออกหมายเรียกครั้งนี้เป็นล็อตที่ 3 ตามลำดับ โดยก่อนหน้านี้มีการเรียกตัวดังนี้
ล็อตที่ 1 สมาชิกวุฒิสภาจำนวน 55 คน ได้รับเอกสารระหว่างวันที่ 8-9 พฤษภาคม 2568
ล็อตที่ 2 บุคคลที่เกี่ยวข้องกับพรรคภูมิใจไทยจำนวน 10 คน (ไม่ใช่สมาชิกวุฒิสภา) มีข่าวเมื่อวันที่ 19-20 พฤษภาคม 2568
ล็อตที่ 3 สมาชิกวุฒิสภากลุ่มล่าสุด ยังไม่ได้เปิดเผยจำนวนที่แน่ชัด แต่คาดว่าจะมีมากกว่า 90 ราย
ข้อกล่าวหาไม่เกี่ยวกับเส้นทางเงิน
สิ่งที่น่าสังเกตคือ ข้อกล่าวหาในหนังสือหมายเรียกครั้งนี้ไม่ได้อ้างอิงถึงเรื่องเส้นทางเงินหรือมาตรา 77 ที่เกี่ยวข้องกับการใช้เงินหรือทรัพย์สินในการเลือกตั้ง แต่อ้างเพียงการกระทำที่อาจเข้าข่ายความผิดตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา พ.ศ. 2561 มาตรา 70 ประกอบมาตรา 36 และ 62 เท่านั้น
มาตรา 70 ประกอบมาตรา 62 เกี่ยวข้องกับกรณีผู้สมัครรับเลือกไม่ปฏิบัติตามวิธีการและเงื่อนไขที่ กกต.กำหนดในการแนะนำตัว มีโทษจำคุกไม่เกิน 1 ปี ปรับไม่เกิน 20,000 บาท และให้เพิกถอนสิทธิเลือกตั้งเป็นเวลา 5 ปี
มาตรา 62 เป็นเรื่องของการมีหลักฐานอันควรเชื่อได้ว่าผู้ถูกกล่าวหามีส่วนหรือรู้เห็นกับการทุจริตการเลือกตั้ง ให้ กกต.ส่งเรื่องให้ศาลฎีกาพิจารณาและสั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่เมื่อคำร้องส่งถึงศาล
แกนนำ "สายสีน้ำเงิน" ชี้แจงข้อเท็จจริง
สมาชิกวุฒิสภารายหนึ่งซึ่งเป็นแกนนำของกลุ่ม "สายสีน้ำเงิน" ได้ให้ข้อมูลว่า เนื้อหาในหนังสือหมายเรียกที่ได้รับจริงนั้นไม่มีรายละเอียดเกี่ยวกับเส้นทางเงิน การใช้เงิน หรือการจูงใจด้วยวิธีการอื่นใดตามที่สื่อมวลชนรายงาน
หนังสือที่ส่งมาเป็นเพียงการแจ้งว่ามีบุคคลอื่นกล่าวหาว่าการได้มาซึ่งตำแหน่งสมาชิกวุฒิสภาอาจไม่ชอบด้วยกฎหมาย และให้เข้าไปพบคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนเพื่อรับทราบและชี้แจงข้อกล่าวหาเท่านั้น
ทั้งนี้ ยังไม่มีการเชื่อมโยงกับข้อหา "ฟอกเงิน-อั้งยี่" ตามที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ได้ตั้งธงไว้แต่อย่างใด และนักการเมือง 10 คนที่ไม่ใช่สมาชิกวุฒิสภายังแทบไม่มีใครได้รับหนังสือแจ้งให้เข้าไปรับข้อกล่าวหา
คดีนี้ยังคงเป็นที่จับตามองของสาธารณชนต่อไป โดยเฉพาะการดำเนินการของคณะกรรมการสืบสวนและไต่สวนในวันที่ 29 พฤษภาคม ที่จะมีสมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากเข้าไปชี้แจงข้อกล่าวหา


