posttoday

คดีฮั้วสว. ลามถึงยุบพรรคการเมือง? "สิ้นซาก" ขบวนการสีน้ำเงิน

11 พฤษภาคม 2568

"คดีฮั้วสว."ครั้งนี้ขยายวงจนสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลอาจนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของพรรคที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน

KEY

POINTS

  • การตรวจสอบคดีฮั้วเลือกสว.กับข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อผลประโยชน์
  • พรรค"สีน้ำเงิน"ในวงล้อมเชื่อมโยงภูมิใจไทยกับสว.ข้อสงสัยเส้นเงิน
  • กกต.ร่วมDSI ขยายวงเส้นทางการเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
  • เงา"ยุบพรรค"จากอดีตเปรียบเทียบกับไทยรักไทยในชะตากรรมเดียวกัน
  • ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพรัฐบาลอวสานทางการเมืองของบุคคลที่เกี่ยวข้อง 

สถานการณ์การเมืองไทยระอุ เมื่อปมร้อน "ฮั้ว สว." กลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่ส่อเค้าพัดถล่มเสถียรภาพรัฐบาล และอาจลากยาวถึงขั้น "ยุบพรรค" อันนำมาซึ่งการ "สิ้นซาก" ของขบวนการทางการเมืองที่กำลังเรืองอำนาจอยู่ในขณะนี้

จุดเริ่มต้น "เกมใต้ดิน" เลือก สว.

ชนวนวิกฤตครั้งใหม่นี้ ปะทุขึ้นจากการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดล่าสุด ข้อครหาหนาหูถึงการ "ล็อบบี้" และ "จัดตั้ง" อย่างเป็นระบบ เพื่อให้บุคคลที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันตบเท้าเข้าสู่สภาสูง กลายเป็นประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่อาจนิ่งเฉย และต้องเร่งเครื่องสอบสวนอย่างละเอียด [02:22]

"ภูมิใจไทย" จุดศูนย์กลางพายุ?

ภายใต้สมรภูมิการเมืองที่ผันผวน พรรคภูมิใจไทยภายใต้ร่มเงา "สีน้ำเงิน" กลายเป็นเป้าสายตา ด้วยจำนวน สส. ในมือถึง 70 ที่นั่ง และบทบาทสำคัญในการเป็น "ขั้วหลัก" ที่ผนึกกำลังกับสมาชิกวุฒิสภา [00:30] ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ สว. กลับกลายเป็น "ดาบสองคม" เมื่อข้อกล่าวหาเรื่องการสมรู้ร่วมคิดในการเลือกตั้ง สว. พุ่งตรงมายังพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้

แฉ "ใบสั่ง"? เส้นทางเงิน "สีเทา"

รายงานเชิงสืบสวนหลายสำนักข่าว ต่างทยอยเปิดโปงเบาะแสและรายละเอียดของการ "จัดฉาก" ในการเลือก สว. ที่ถูกกล่าวหาหาก กกต. เพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ ย่อมสั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรอิสระแห่งนี้ [ 

ขณะเดียวกัน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังเดินหน้าเจาะลึกเส้นทางการเงินที่อาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ซึ่งมีทั้งชื่อของสมาชิกวุฒิสภา และผู้บริหารระดับสูงของพรรคการเมืองบางรายเข้ามาเกี่ยวข้อง

กระบวนการสอบสวนคดีฟอกเงินจะถูกส่งต่อเป็นทอดๆ จาก DSI สู่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก่อนที่คณะกรรมการ ปปง. จะพิจารณาส่งฟ้องต่อศาล 

"รอยเท้า" ไทยรักไทย! สู่ "เกม Over" พรรคสีน้ำเงิน?

สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ "บาดแผล" ในอดีต เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบในปี 2500 จากกรณีที่ผู้บริหารพรรคเข้าไปพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมาย หากผลการสอบสวนชี้ชัดว่าผู้บริหารพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรืออยู่เบื้องหลังการ "ฮั้ว" สว. หรือกระบวนการฟอกเงิน โทษทัณฑ์สูงสุดอาจถึงขั้น "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของบุคคลที่เกี่ยวข้อง 

"ดาบสองคม" ภาระพิสูจน์ และจุดจบ "ขบวนการ" 

ในเกมกฎหมายที่กำลังเข้มข้น ภาระหนักอึ้งในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์จะตกอยู่กับผู้ถูกกล่าวหาหากไม่สามารถนำหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่การถูกยุบพรรค แต่ยังหมายถึงการ "สิ้นชื่อ" และปิดฉากบทบาทของ "ขบวนการสีน้ำเงิน" ทั้งหมด

"เกมอำนาจ"บนเส้นทาง "ล้มละลาย"ทางการเมือง

คดี "ฮั้ว สว."ครั้งนี้จึงมิใช่เพียงแค่ประเด็นของการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แต่ได้ขยายวงจนสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และอาจนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของพรรคที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน การตัดสินใจของ กกต. และกระบวนการยุติธรรมที่จะตามมา จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ทางการเมือง และการ "สิ้นซาก" ของขบวนการอำนาจที่กำลังถูกตั้งคำถามอยู่ในขณะนี้

ที่มาประกอบเนื้อหารายงาน เนชั่นสุดสัปดาห์

ข่าวล่าสุด

ราชวิทยาลัยฯ 'ไม่แนะนำ' ผ่าตัดเปลี่ยนเลนส์ รักษาสายตายาวตามวัย