คดีฮั้วสว. ลามถึงยุบพรรคการเมือง? "สิ้นซาก" ขบวนการสีน้ำเงิน
"คดีฮั้วสว."ครั้งนี้ขยายวงจนสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาลอาจนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของพรรคที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน
KEY
POINTS
- การตรวจสอบคดีฮั้วเลือกสว.กับข้อกล่าวหาสมรู้ร่วมคิดเพื่อผลประโยชน์
- พรรค"สีน้ำเงิน"ในวงล้อมเชื่อมโยงภูมิใจไทยกับสว.ข้อสงสัยเส้นเงิน
- กกต.ร่วมDSI ขยายวงเส้นทางการเงินที่อาจเกี่ยวข้องกับการฟอกเงิน
- เงา"ยุบพรรค"จากอดีตเปรียบเทียบกับไทยรักไทยในชะตากรรมเดียวกัน
- ความเสี่ยงต่อเสถียรภาพรัฐบาลอวสานทางการเมืองของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
สถานการณ์การเมืองไทยระอุ เมื่อปมร้อน "ฮั้ว สว." กลายเป็นคลื่นใต้น้ำที่ส่อเค้าพัดถล่มเสถียรภาพรัฐบาล และอาจลากยาวถึงขั้น "ยุบพรรค" อันนำมาซึ่งการ "สิ้นซาก" ของขบวนการทางการเมืองที่กำลังเรืองอำนาจอยู่ในขณะนี้
จุดเริ่มต้น "เกมใต้ดิน" เลือก สว.
ชนวนวิกฤตครั้งใหม่นี้ ปะทุขึ้นจากการตั้งคำถามถึงความโปร่งใสในการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา (สว.) ชุดล่าสุด ข้อครหาหนาหูถึงการ "ล็อบบี้" และ "จัดตั้ง" อย่างเป็นระบบ เพื่อให้บุคคลที่อยู่ในเครือข่ายเดียวกันตบเท้าเข้าสู่สภาสูง กลายเป็นประเด็นที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่อาจนิ่งเฉย และต้องเร่งเครื่องสอบสวนอย่างละเอียด [02:22]
"ภูมิใจไทย" จุดศูนย์กลางพายุ?
ภายใต้สมรภูมิการเมืองที่ผันผวน พรรคภูมิใจไทยภายใต้ร่มเงา "สีน้ำเงิน" กลายเป็นเป้าสายตา ด้วยจำนวน สส. ในมือถึง 70 ที่นั่ง และบทบาทสำคัญในการเป็น "ขั้วหลัก" ที่ผนึกกำลังกับสมาชิกวุฒิสภา [00:30] ความสัมพันธ์อันแนบแน่นกับ สว. กลับกลายเป็น "ดาบสองคม" เมื่อข้อกล่าวหาเรื่องการสมรู้ร่วมคิดในการเลือกตั้ง สว. พุ่งตรงมายังพรรคอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
แฉ "ใบสั่ง"? เส้นทางเงิน "สีเทา"
รายงานเชิงสืบสวนหลายสำนักข่าว ต่างทยอยเปิดโปงเบาะแสและรายละเอียดของการ "จัดฉาก" ในการเลือก สว. ที่ถูกกล่าวหาหาก กกต. เพิกเฉยต่อหลักฐานที่ปรากฏ ย่อมสั่นคลอนความเชื่อมั่นของประชาชนต่อองค์กรอิสระแห่งนี้ [
ขณะเดียวกัน กรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) กำลังเดินหน้าเจาะลึกเส้นทางการเงินที่อาจเชื่อมโยงกับการฟอกเงิน ซึ่งมีทั้งชื่อของสมาชิกวุฒิสภา และผู้บริหารระดับสูงของพรรคการเมืองบางรายเข้ามาเกี่ยวข้อง
กระบวนการสอบสวนคดีฟอกเงินจะถูกส่งต่อเป็นทอดๆ จาก DSI สู่ สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ก่อนที่คณะกรรมการ ปปง. จะพิจารณาส่งฟ้องต่อศาล
"รอยเท้า" ไทยรักไทย! สู่ "เกม Over" พรรคสีน้ำเงิน?
สถานการณ์ที่เกิดขึ้นในขณะนี้ ถูกนำไปเปรียบเทียบกับ "บาดแผล" ในอดีต เมื่อพรรคไทยรักไทยถูกยุบในปี 2500 จากกรณีที่ผู้บริหารพรรคเข้าไปพัวพันกับการกระทำผิดกฎหมาย หากผลการสอบสวนชี้ชัดว่าผู้บริหารพรรคการเมืองใดมีส่วนรู้เห็นเป็นใจ หรืออยู่เบื้องหลังการ "ฮั้ว" สว. หรือกระบวนการฟอกเงิน โทษทัณฑ์สูงสุดอาจถึงขั้น "ยุบพรรค" และตัดสิทธิ์ทางการเมืองของบุคคลที่เกี่ยวข้อง
"ดาบสองคม" ภาระพิสูจน์ และจุดจบ "ขบวนการ"
ในเกมกฎหมายที่กำลังเข้มข้น ภาระหนักอึ้งในการพิสูจน์ความบริสุทธิ์จะตกอยู่กับผู้ถูกกล่าวหาหากไม่สามารถนำหลักฐานมาหักล้างข้อกล่าวหาได้อย่างชัดเจน ผลลัพธ์ที่ตามมาอาจไม่ใช่แค่การถูกยุบพรรค แต่ยังหมายถึงการ "สิ้นชื่อ" และปิดฉากบทบาทของ "ขบวนการสีน้ำเงิน" ทั้งหมด
"เกมอำนาจ"บนเส้นทาง "ล้มละลาย"ทางการเมือง
คดี "ฮั้ว สว."ครั้งนี้จึงมิใช่เพียงแค่ประเด็นของการเลือกตั้งสมาชิกวุฒิสภา แต่ได้ขยายวงจนสั่นคลอนเสถียรภาพของรัฐบาล และอาจนำไปสู่จุดจบทางการเมืองของพรรคที่มีบทบาทสำคัญในปัจจุบัน การตัดสินใจของ กกต. และกระบวนการยุติธรรมที่จะตามมา จึงเป็นสิ่งที่สังคมไทยกำลังจับตามองอย่างใกล้ชิด เพราะมันอาจหมายถึงการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในภูมิทัศน์ทางการเมือง และการ "สิ้นซาก" ของขบวนการอำนาจที่กำลังถูกตั้งคำถามอยู่ในขณะนี้
ที่มาประกอบเนื้อหารายงาน เนชั่นสุดสัปดาห์