คณะกรรมาธิการฯ วุฒิสภา เชิญนายกฯและ 5 อดีตนายกฯ ถกอนาคตคาสิโนไทย

คณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา เดินหน้าศึกษาผลกระทบจากการจัดตั้ง “สถานบันเทิงครบวงจร” ที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์ในประเทศไทย โดยล่าสุดมีมติเชิญนายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน น.ส.แพทองธาร ชินวัตร พร้อมด้วยอดีตนายกรัฐมนตรีอีก 5 คน ได้แก่ นายทักษิณ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายชวน หลีกภัย และนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้าร่วมให้ข้อมูลและแสดงความเห็นต่อประเด็นที่มีความอ่อนไหวนี้

 

เดินหน้าศึกษาครอบคลุมทุกมิติ

การประชุมของคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ที่จัดขึ้นล่าสุด ณ อาคารรัฐสภา มีวาระสำคัญคือการกำหนดกรอบการทำงาน จัดตั้งคณะอนุกรรมาธิการเฉพาะทาง 2 ชุด และหารือเชิงลึกเกี่ยวกับนิยามและผลกระทบของสถานบันเทิงครบวงจร โดยมีนายวีระพันธ์ สุวรรณนามัย สมาชิกวุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานคณะกรรมาธิการฯ

 

ที่ประชุมได้มีมติตั้งคณะอนุกรรมาธิการ 2 ชุดเพื่อดำเนินการศึกษาเชิงลึกในประเด็นต่างๆ ดังนี้:

1. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบทางสังคมและกฎหมาย
มีนายนิพนธ์ เอกวานิช เป็นประธาน รับผิดชอบศึกษาผลกระทบทางสังคม สิ่งแวดล้อม การผังเมือง ประเด็นตามรัฐธรรมนูญ ยุทธศาสตร์ชาติ และการรับฟังความคิดเห็นสาธารณะตามมาตรา 77 ของรัฐธรรมนูญ

2. คณะอนุกรรมาธิการวิสามัญศึกษาผลกระทบทางเศรษฐกิจ
มีนายสรชาติ วิชย สุวรรณพรหม เป็นประธาน ศึกษาผลกระทบด้านเศรษฐกิจ การลงทุน การท่องเที่ยว และการจ้างงานที่อาจเกิดขึ้นจากการจัดตั้งเอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์

 

เน้นการมีส่วนร่วมของอดีตผู้นำประเทศ

นายวีระพันธ์ เปิดเผยว่า คณะกรรมาธิการฯ มีมติเชิญ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี มาให้ข้อมูลเกี่ยวกับแนวนโยบายของรัฐบาลเกี่ยวกับกาสิโน โดยยืนยันว่า “ต้องการให้นายกรัฐมนตรีมาชี้แจงด้วยตนเอง” แต่หากติดภารกิจ ก็สามารถมอบหมายรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องมาแทนได้

 

นอกจากนี้ ยังมีแผนเชิญอดีตนายกรัฐมนตรี 5 คน และอดีตประธานสภาผู้แทนราษฎรบางท่าน อาทิ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ และนายอาทิตย์ อุไรรัตน์ เพื่อรวบรวมมุมมองที่หลากหลายจากผู้เคยบริหารประเทศ

 

ในการประชุมครั้งนี้ คณะกรรมาธิการฯ ได้หารือกันใน 3 หัวข้อหลัก ได้แก่ ผลกระทบด้านสังคม เศรษฐกิจ และกฎหมาย โดยมีประเด็นที่ถกเถียงกันอย่างกว้างขวาง ดังนี้

 

นิยามของสถานบันเทิงครบวงจร

ที่ประชุมมีการถกเถียงอย่างกว้างขวางเกี่ยวกับการกำหนดนิยามของ "สถานบันเทิงครบวงจร" โดยมีข้อเสนอให้ใช้คำที่ชัดเจนและตรงไปตรงมามากขึ้น เพื่อให้ประชาชนเข้าใจได้ง่ายและครอบคลุมถึงกิจกรรมการพนันทุกรูปแบบ มีการเสนอทางเลือกหลายรูปแบบ เช่น

 

• "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโน หรือ การพนันทุกรูปแบบ รวมทั้งการพนันออนไลน์"
• "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีบ่อนกาสิโน" โดยเพิ่มรายละเอียดในบทนำ
• "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์" ซึ่งสอดคล้องกับร่างกฎหมายของรัฐบาล

 

สุดท้าย ที่ประชุมมีความเห็นให้ใช้คำว่า "สถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและพนันออนไลน์" เพื่อให้ครอบคลุมการพนันทุกรูปแบบ และเพื่อป้องกันความสับสนในกรณีที่ต้องมีการทำประชามติในอนาคต

 

ประเด็นกฎหมายและการเมือง

ข้อเสนอให้แยกการศึกษาด้านกฎหมายออกเป็นคณะอนุกรรมาธิการเฉพาะ ไม่ได้รับความเห็นชอบจากที่ประชุม เนื่องจากกังวลว่าอาจทำให้ความสำคัญของประเด็นกาสิโนลดลง จึงตัดสินใจรวมการศึกษากฎหมายไว้ในคณะอนุกรรมาธิการด้านสังคมและกฎหมาย

 

ในขณะเดียวกัน ก็มีการตั้งข้อสังเกตถึง อิทธิพลของการเมือง ที่อาจเข้ามากำหนดทิศทางของกฎหมายในสภา มีข้อเสนอให้พิจารณาแนวทางที่สามารถหลีกเลี่ยงการครอบงำของฝ่ายการเมืองที่มีเสียงข้างมาก โดยเน้นย้ำว่า แม้จะสามารถคว่ำร่างกฎหมายได้ แต่ไม่สามารถเปลี่ยนรัฐธรรมนูญได้ง่าย

 

ยืนยันความเป็นกลางและกำหนดกรอบเวลา

ประธานกรรมาธิการฯ ย้ำชัดว่า การทำงานของคณะฯ จะยึดหลักความเป็นกลาง ปราศจากอคติส่วนตัว โดยระบุว่า “ต้องล้างความเห็นส่วนตัวทั้งหมด ต้องเป็นกลางที่สุด เพื่อรับฟังความเห็นทุกด้าน”

 

สำหรับกรอบเวลาในการดำเนินงาน จากเดิมที่กำหนดไว้ 180 วัน ที่ประชุมมีความเห็นให้เร่งรัดให้แล้วเสร็จภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม 2568 เพื่อให้รายงานการศึกษาทันต่อการเสนอร่างกฎหมายในสมัยประชุมที่จะเริ่มต้นขึ้น

 

ประชาพิจารณ์ยังอยู่ระหว่างพิจารณา

อีกหนึ่งประเด็นสำคัญ คือการทำประชาพิจารณ์รับฟังความคิดเห็นประชาชนและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย ซึ่งยังไม่มีรูปแบบและแนวทางที่ชัดเจนในขณะนี้  โดยนายวีระพันธ์กล่าวว่า "ยังไม่มีการกำหนดว่า จะมีการดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร" ซึ่งคาดว่าจะมีการหารือเพิ่มเติมในการประชุมครั้งต่อไป

 

สรุป

การเดินหน้าศึกษาแนวทางจัดตั้งสถานบันเทิงครบวงจรที่มีกาสิโนและการพนันออนไลน์ โดยคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาการเปิดสถานบันเทิงครบวงจร (เอ็นเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์) วุฒิสภา ถือเป็นความเคลื่อนไหวสำคัญในการวางรากฐานเชิงนโยบายของประเทศในอนาคต โดยเน้นการทำงานอย่างรอบด้าน เป็นกลาง และโปร่งใส เพื่อประโยชน์ของประเทศและประชาชน