เขย่าเพื่อไทย! ปรับครม.สูตรไม่นิ่ง 'ทักษิณ'ต้านปรับเล็ก
กระแสปรับครม.เขย่าเพื่อไทย สส.-รมต.หวั่นเก้าอี้ปลิว แม้นายกฯยังนิ่ง แต่'ทักษิณ'ส่งซิกต้านปรับเล็ก จับตาสูตรแบ่งอำนาจพรรคร่วมท่ามกลางแรงกดดันรอบด้าน
กระแสข่าวปรับคณะรัฐมนตรียังคงร้อนแรงต่อเนื่อง แม้จะยังไม่มีความชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี
แต่กลับสร้างแรงสั่นสะเทือนอย่างหนักภายในพรรคแกนนำอย่างเพื่อไทย
บรรดารัฐมนตรีและ ส.ส. ต่างตกอยู่ในความหวั่นไหว หวั่นเก้าอี้กระเด็น
ขณะที่ "ทักษิณ ชินวัตร" ส่งสัญญาณชัดไม่ต้องการเห็นการปรับเล็ก
สวนทางกับแรงกดดันที่ต้องการเห็นการเปลี่ยนทีมเศรษฐกิจ
ท่ามกลางสถานการณ์การเมืองที่ยังเปราะบางและอำนาจต่อรองของพรรคร่วมที่เพิ่มสูงขึ้น
จับตาสูตรสุดท้ายที่ยังไม่ลงตัว ใครจะอยู่ ใครจะไป?
สถานการณ์การปรับ ครม. โดยเฉพาะในส่วนของพรรคเพื่อไทยยังคงเต็มไปด้วยความไม่แน่นอนและปัจจัยที่ซับซ้อน
การตัดสินใจปรับ ครม. เฉพาะพรรคแกนนำอาจไม่ใช่ทางออกที่ดีที่สุด
และอาจส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพของรัฐบาลโดยรวม
การปรับ ครม. ครั้งต่อไป (หากเกิดขึ้น) จึงจำเป็นต้องพิจารณาอย่างรอบด้าน
ทั้งพลวัตภายในพรรคเพื่อไทย ความสัมพันธ์กับพรรคร่วมรัฐบาล
สถานการณ์เศรษฐกิจ และแรงกดดันทางการเมืองอื่นๆ
เพื่อให้ได้สูตรที่ลงตัวและนำพาประเทศเดินหน้าต่อไปได้
กระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) แม้จะยังไม่มีสัญญาณชัดเจนจากนายกรัฐมนตรี
แต่แรงกระเพื่อมภายในพรรคร่วมรัฐบาล โดยเฉพาะพรรคแกนนำอย่าง "เพื่อไทย"
เริ่มปรากฏชัดเจนขึ้น ท่ามกลางความท้าทายรอบด้าน ทั้งปัญหาเศรษฐกิจ เสถียรภาพรัฐบาล
และพลวัตทางการเมืองที่เปลี่ยนไป
มีประเด็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับมุมมองและความเคลื่อนไหวภายในพรรคเพื่อไทยต่อการปรับ ครม.
การปรับ ครม.อาจมุ่งเน้นไปที่โควตาของพรรคเพื่อไทยเป็นหลัก แต่ก็มีเสียงสะท้อนถึงความกังวลว่า
การปรับลักษณะนี้อาจขาดการบูรณาการกับพรรคร่วมอื่นๆ และอาจไม่สามารถแก้ปัญหาในภาพรวมได้อย่างมีประสิทธิภาพ
มุมมองจากบุคคลสำคัญอย่างนายทักษิณ ชินวัตร ก็ส่งสัญญาณคัดค้านแนวคิดการปรับเล็ก
โดยมองว่าหากจะปรับ ควรเป็นการปรับใหญ่ทั้งคณะ พร้อมยืนยันว่าไม่มีแนวคิดผลักพรรคร่วมใดไปเป็นฝ่ายค้าน
ปฏิเสธไม่ได้ว่ากระแสข่าวการปรับ ครม. สร้างความอึดอัดภายในพรรคเพื่อไทยและความหวั่นไหวให้กับบรรดารัฐมนตรี
และ สส.ในพรรคเพื่อไทยไม่น้อย มีความรู้สึกว่าหากมีการปรับเปลี่ยนเกิดขึ้นจริง
โควตาของพรรคเพื่อไทยอาจได้รับผลกระทบมากที่สุด
ความไม่แน่นอนนี้ส่งผลต่อบรรยากาศการทำงานและความเชื่อมั่นภายในพรรค
อย่างไก็ตาม การตัดสินใจปรับ ครม. ไม่ได้ขึ้นอยู่กับปัจจัยภายในพรรคเพื่อไทยเพียงอย่างเดียว
แต่ยังต้องพิจารณาถึงปัจจัยภายนอกที่ซับซ้อน โดยเฉพาะอำนาจต่อรองของพรรคร่วมรัฐบาล
อย่างพรรคพรรคภูมิใจไทยถูกมองว่ามีอำนาจต่อรองสูงขึ้น และมีบทบาทสำคัญในการกำหนดทิศทางการเมือง
ความไม่แน่นอนทางการเมืองและปัญหาเศรษฐกิจที่ยังรุมเร้าท้าทายเสถียรภาพรัฐบาล
ทำให้การหาบุคคลภายนอก ที่มีความสามารถมาร่วมทีมเศรษฐกิจเป็นไปได้ยาก
และการเปลี่ยนแปลงใหญ่ในเวลานี้ถือว่ามีความเสี่ยงสูง
ขณะที่ปัจจัยทางกฎหมายคดีของนายทักษิณถือเป็นบ่วงกรรม และการพิจารณางบประมาณปี 2569
เป็นอีกเงื่อนไขสำคัญที่ส่งผลต่อจังหวะเวลาในการปรับ ครม.
ท้ายที่สุดแล้ว อำนาจในการปรับ ครม. อยู่ที่นายกฯแพทองธาร
ยังคงต้องประเมินสถานการณ์และรับฟังความคิดเห็นจากหลายฝ่าย
แม้จะยอมรับว่ารู้สึกแปลกใจกับกระแสข่าวที่ออกมาเกี่ยวกับการปรับครม.ก็ตาม
ที่มา ข้อมูลประกอบเนื้อหาข่าว เนชั่นอินไซต์


