posttoday

"แพทองธาร"เยือนกัมพูชา75ปีการทูต ปูทางเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อน

23 เมษายน 2568

จับตานายกฯแพทองธาร เยือนกัมพูชาอย่างเป็นทางการ ฉลอง75ปีความสัมพันธ์การทูต หารือทวิภาคี ปูทางเจรจาผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเลที่ยืดเยื้อ

การเดินทางเยือนราชอาณาจักรกัมพูชาอย่างเป็นทางการของนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ถือเป็นภารกิจสำคัญที่สะท้อนถึงความพยายามของรัฐบาลไทยในการกระชับความสัมพันธ์กับโดยเฉพาะอย่างยิ่งในโอกาสฉลองครบรอบ 75 ปีการสถาปนาความสัมพันธ์ทางการทูตระหว่างสองประเทศ

การหารือทวิภาคีกับสมเด็จมหาบวรธิบดี ฮุน มาแนด นายกรัฐมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา รวมถึงการเข้าเยี่ยมคารวะ สมเด็จมหารัฐสภาธิการธิบดี ควน โซะดารี ประธานรัฐสภาแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา และสมเด็จอัคคมหาเสนาบดีเดโช ฮุน เซน ประธานวุฒิสภาและประธานองคมนตรีแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา เป็นการแสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการส่งเสริมความร่วมมือในด้านต่างๆ และแก้ไขปัญหาข้ามพรมแดนที่อาจเกิดขึ้น 

อย่างไรก็ตาม การเยือนครั้งนี้เกิดขึ้นท่ามกลางประวัติศาสตร์ความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนและผันผวน โดยเฉพาะในช่วงสงครามเย็นที่เคยมีการตัดความสัมพันธ์ทางการทูตถึง 2 ครั้ง แม้ว่าหลังสงครามเย็นความสัมพันธ์จะฟื้นฟูและพัฒนาไปในทิศทางที่ดีขึ้น แต่ประเด็นท้าทาย เช่น ข้อพิพาทเรื่องเขตแดนและมรดกทางวัฒนธรรม ยังคงเป็นอุปสรรคต่อความสัมพันธ์ในระดับประชาชน

ที่สำคัญ การเยือนครั้งนี้ถูกจับตามองอย่างใกล้ชิดในประเด็น ผลประโยชน์ทับซ้อนทางทะเล ซึ่งเป็นปัญหาที่ยืดเยื้อมานานกว่า 50 ปี โดยมีพื้นที่ทับซ้อนประมาณ 26,000 ตารางกิโลเมตร ซึ่งคาดว่ามีทรัพยากรปิโตรเลียมสำรองอยู่เป็นจำนวนมาก การเจรจาเพื่อหาข้อตกลงร่วมกันจึงเป็นสิ่งสำคัญในการปลดล็อกศักยภาพทางเศรษฐกิจและสร้างความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างสองประเทศ

แม้ว่าในปี 2544 จะมีการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ว่าด้วยพื้นที่อ้างสิทธิทับซ้อนทางทะเล แต่ MOU ดังกล่าวถูกยกเลิกไปในปี 2555 ทำให้การเจรจาในปัจจุบันต้องเริ่มต้นใหม่อีกครั้ง โดยมีประเด็นเกาะกูดเข้ามาเกี่ยวข้องด้วย เนื่องจากเส้นแบ่งเขตทางทะเลที่กัมพูชาอ้างสิทธิ์ลากผ่านใกล้กับเกาะกูด

การที่รัฐบาลไทยและกัมพูชายังคงมีความพยายามในการรื้อฟื้นการเจรจา แสดงให้เห็นถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาและแสวงหาความร่วมมือในการพัฒนาพื้นที่ชายแดนร่วมกัน อย่างไรก็ตาม การเจรจาจะต้องคำนึงถึงผลประโยชน์ของทั้งสองฝ่าย และต้องมีความโปร่งใสเพื่อให้ได้รับการยอมรับจากประชาชน

การเดินทางเยือนกัมพูชาของนายกรัฐมนตรีแพทองธารในครั้งนี้ จึงเป็นการทดสอบความสามารถของรัฐบาลไทยในการบริหารจัดการความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน บนพื้นฐานของความเข้าใจและความเคารพซึ่งกันและกัน เพื่อสร้างความร่วมมือที่ยั่งยืนและเป็นประโยชน์ต่อประชาชนทั้งสองประเทศ