“นายกฯอิ๊งค์” โต้ซักฟอก ปม PM2.5 วอน ฝ่ายค้านอย่าปรามาส
“นายกฯอิ๊งค์” ลุกโต้ซักฟอก ปมแก้ปัญหา "ฝุ่นPM 2.5" ชี้ มาจากประเทศเพื่อนบ้าน วอน ฝ่ายค้านอย่าปรามาสว่า “ได้แต่สั่งการ แต่ไม่มีคนทำ”
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ลุกขึ้นชี้แจงการอภิปรายไม่ไว้วางใจของฝ่ายค้าน โดยกล่าวถึงกรณีการแก้ไขปัญหาฝุ่น PM 2.5 ว่า จริงๆ เป็นวาระแห่งชาติอยู่แล้ว โดยตนเป็นคนพูดคนแรกว่า ให้เป็นวาระแห่งอาเซียน
แน่นอนว่าในตอนนี้ทั้งภาคเหนือตอนบนของเรามีฝุ่นควันเข้ามาอย่างหนาแน่น แม้ตอนนี้อาจจะหยุดไปพักนึง แต่ในเดือนพฤษภาคมก็กลับมาเยอะใหม่ ซึ่งเป็นฝุ่นควันที่มาจากประเทศเพื่อนบ้าน และเราจะต้องประสานงานกันทุกระดับ ไม่ว่าจะเป็นอธิบดีกับอธิบดี ระดับปลัดกับปลัด รัฐมนตรีกับรัฐมนตรี เพื่อขอความร่วมมือความช่วยเหลือ และให้ประเทศเพื่อนบ้านของเรา ร่วมกันที่จะไม่เผากับพื้นที่เกษตรด้วยเช่นกัน
ทั้งนี้ ประเทศเพื่อนบ้านก็ตอบกลับมาว่ากำลังทำเรื่องนี้เช่นกัน และทราบดีว่าควันมาจากฝั่งประเทศของเขา รวมถึงสิ่งที่เพื่อนสมาชิก ได้พูดว่า “ได้แต่สั่งการ แต่ไม่มีคนทำ” ตนขออย่าพูดแบบนั้น เพราะการอภิปรายในครั้งนี้ ท่านมาอภิปรายตน ไม่ได้มาอภิปรายข้าราชการทั้งประเทศ
และเรื่องนี้เป็นเรื่องระดับประเทศ ตนแทบไม่ต้องสั่งการ เพราะแค่ตนพูดคำเดียว ข้าราชการก็อยากทำเรื่องนี้เป็นอย่างมาก เพราะทุกคนก็อยากทำเพื่อประเทศเช่นกัน ไม่ใช่แค่กลุ่มท่านเท่านั้นที่อยากทำเพื่อประเทศ เราทุกคนก็อยากทำเพื่อประเทศกันทั้งนั้น
ขออย่าขีดเส้นตัดสินกันแบบนี้เลย ข้าราชการที่ขอความร่วมมือก็ทำงานอย่างเต็มที่ พวกเขาก็อยากได้ประเทศที่มีอากาศบริสุทธิ์
น.ส.แพทองธาร กล่าวต่อว่า ที่ผ่านมาฝุ่นลดลงอย่างมาก ด้วยมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลทำ รวมถึงกระทรวงต่างๆ และประชาชนก็ให้ความร่วมมือทำอย่างเต็มที่ เพราะเขาก็อยากได้ประเทศที่มีอากาศความบริสุทธิ์ การที่ค่าฝุ่นลดลงจะเห็นในชัดในปีนี้มากกว่าปีที่ผ่านมา เพราะเกิดจากการบูรณาการของทุกฝ่ายในการร่วมมือกัน
กระทรวงมหาดไทย โดยนายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งการให้ 76 จังหวัดในการยกระดับปฏิบัติการ และบังคับใช้ข้อกฎหมายอย่างเด็ดขาด ประกาศห้ามเผา และขอความร่วมมือกับพี่น้องประชาชน ส่งผลให้การเผาในพื้นที่เกษตรลดลง และดำเนินคดีกับผู้ที่จงใจจะฝ่าฝืน ภายใน 3 เดือน เกิดขึ้นถึง 133 คดี เป็นสิ่งที่กระทรวงมหาดไทยทำ
ขณะที่ กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ตนได้มีการอนุมัติงบกลาง เพื่อให้มีการเฝ้าระวังไฟป่า โดยล่าสุดตนได้พูดคุยกับข้าราชการ และอธิบดีของกระทรวงทรัพย์ฯ ซึ่งทุกคนพูดเลยว่า งบดังกล่าวสามารถช่วยได้อย่างมาก เพราะกระจายไปที่กรมป่าไม้ และอุทยานฯ ด้วย ก็สามารถทำให้มีคนเฝ้าระวังตามจุดต่างๆ 3,895 จุด ซึ่งมีการเฝ้าระวังมากกว่าปีที่แล้วถึง 50% เลยสามารถควบคุมไฟป่าได้อย่างยิ่งขึ้นอย่างเห็นได้ชัด
นอกจากนี้ ยังมีชุดลาดตระเวน และชุดปฏิบัติการพิเศษดับไฟป่า และระดมสรรพกำลังเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ทหาร ฝ่ายปกครอง รวมทั้งอาสาสมัคร 18,000 คน ที่มีมากกว่าปีที่แล้วถึง 40% ส่งผลทำให้จุดความร้อนลดลงถึง 30% และจะมีกระทรวงเกษตรสหกรณ์เพื่อป้องกันการเผาในพื้นที่เกษตรด้วย ในช่วงวันที่ 17 มกราคม ปี 68 - 31 พฤษภารม 2568 ว่าหากมีการเผาจะไม่ได้รับสิทธิ์ในการเข้าร่วมโครงการสนับสนุนและพัฒนาศักยภาพเกษตรกร
อีกทั้ง รัฐบาลยังได้อนุมัติงบอีก 200 ล้านบาท เพื่อให้กับกรมฝนหลวง เพิ่มประสิทธิภาพในการปฏิบัติการฝนหลวงในการป้องกันการแก้ปัญหาของเรื่องน้ำแล้ง มีการดัดแปลงสภาพอากาศให้บรรเทาปัญหาฝุ่นละอองขนาดเล็ก
ส่วนกระทรวงอุตสาหกรรมนั้น รัฐบาลก็มีนโยบายในการงดรับซื้ออ้อยจากการเผา โดยในปีที่แล้ว มีจำนวนอ้อยที่เข้าโรงงานน้ำตาลที่มาจากการเผา จำนวน 30% ดังนั้นปีนี้รัฐบาลตั้งเป้าไว้ที่ 25% แต่ผลปรากฏว่ามีการร่วมมือแบบบูรณาการ เหลือเพียงแค่ 15% ในปีนี้ ซึ่งรัฐบาลก็พยายามจะสนับสนุนเรื่องนี้ต่อไป
ส่วนกระทรวงสาธารณสุข ได้มีการแจ้งเตือนทุกครั้งเมื่อมีฝุ่นกำลังจะมาในพื้นที่ และมีการให้ความรู้ว่าจะต้องสำหรับตัวอย่างไร ในการให้ความรู้ และจัดชุดดูแลสุขภาพในพื้นที่ รวมถึงห้องปลอดฝุ่น Clean Room กว่า 17,000 ห้อง รองรับประชาชนได้กว่า 2,000,000 คน
สำหรับกระทรวงคมนาคม ก็เข้มงวดกับกรถควันดำทั่วประเทศ ที่มากขึ้นในปีที่ผ่านมา และตรวจจับได้เกือบ 150,000 คัน ซึ่งมากกว่าปีที่แล้วถึง 7 เท่า รวมถึงมีการออกคำสั่งห้ามใช้รถกว่า 2,500 คัน ที่ปล่อยควันดำมากกว่าปีที่แล้วถึง 2 เท่าด้วยเช่นกัน
ดังนั้น ในสิ่งที่ตนได้กล่าวมาข้างต้นเป็นเพียงส่วนหนึ่งของมาตรการที่รัฐบาล และหน่วยงานต่างๆ กำลังดำเนินการทำอยู่ในปัจจุบันนี้ รวมถึงมีอาสาสมัคร และภาคประชาชนที่ช่วยกัน จึงต้องขอขอบคุณ หากไม่ได้ทุกท่านปัญหาฝุ่นควัน ที่จะลดลงขนาดนี้คงไม่เกิดขึ้น
น.ส.แพทองธาร กล่าวอีกว่า ผลงานที่เห็นทุกวันนี้ที่เป็นรูปธรรม ที่ไม่สามารถทำให้ฝุ่ยหายไปในพริบตา แต่ก็เห็นว่ามีจุดความร้อน และฝุ่นที่ลดลงไม่ว่าจะเป็นจำนวนวันของฝุ่นก็ลดลงเช่นกัน อาจจะมีบางวันที่มากขึ้นไป แต่ค่าเฉลี่ยต่อวันก็น้อยลงกว่าปีที่แล้ว อย่างน้อยก็คิดว่ารัฐบาลมาถูกทางแล้ว และคงดำเนินการเหล่านี้ต่อไปพร้อมขอความร่วมมือกับทุกภาคส่วนต่อไป
“ปัญหาเรื่องฝุ่นไม่ใช่ปัญหาของรัฐบาลชุดใดชุดหนึ่ง หรือใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นปัญหาของคนไทยทุกๆ คนที่จะต้องร่วมมือกันเพื่อให้เกิดผลในภาพรวมภาพใหญ่ จึงเป็นสิ่งที่สำคัญมาก แน่นอนว่ารัฐบาลก็จะใช้ทุกสรรพกำลัง เพื่อที่จะทำให้ประเทศของเรามีอากาศที่ดีขึ้น คืนอากาศบริสุทธิ์ให้คนไทยเร็วๆ และทำเต็มที่ ทุกทางที่เราทำได้“ น.ส.แพทองธาร กล่าว