นายกฯอิ๊งค์เร่งเครื่องเดินหน้าเศรษฐกิจไทย หวังดันจีดีพีโตเกิน 3%
นายกฯแพทองธาร ชินวัตร ลั่นรัฐบาลมุ่งมั่นขับเคลื่อนเศรษฐกิจโตเกิน 3% อาศัยความร่วมมือจากทุกกระทรวงและภาคเอกชน มอบหมายทุกหน่วยงานร่วมกันคิดค้นมาตรการและโครงการที่สามารถเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้า
น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการนโยบายโครงการกระตุ้นเศรษฐกิจ ครั้งที่ 1/2568 ณ ทำเนียบรัฐบาล โดยย้ำว่ารัฐบาลจะเดินหน้าผลักดันเศรษฐกิจไทยให้เติบโตเกินเป้าหมาย 3% ที่กระทรวงการคลังคาดการณ์ไว้
นายกฯ ระบุว่า แม้ในช่วงปีที่ผ่านมาเศรษฐกิจไทยมีแนวโน้มฟื้นตัวดีขึ้นจากภาคการส่งออกและการท่องเที่ยว แต่รัฐบาลมุ่งมั่นที่จะขับเคลื่อนให้ขยายตัวได้มากกว่านี้ โดยอาศัยความร่วมมือจากทุกกระทรวงและภาคเอกชน
ทั้งนี้ รัฐบาลได้มอบหมายให้ทุกหน่วยงานร่วมกันคิดค้นมาตรการและโครงการที่สามารถเร่งการเติบโตของเศรษฐกิจให้เป็นไปตามเป้าหมาย โดยจะเน้นไปที่การขับเคลื่อนนโยบายเชิงรุก ควบคู่กับการปฏิบัติตามกฎหมาย เพื่อให้การเติบโตของเศรษฐกิจไทยมีความยั่งยืนในระยะยาว
นางสาวแพทองธาร ชินวัตร โพสต์ผ่านโซเชียลมีเดียส่วนตัว ระบุว่า ก่อนการประชุมคณะอนุกรรมการกระตุ้นเศรษฐกิจวันนี้ ได้หารือกับทีมกระทรวงการคลัง นำโดยนายพิชัย นริพทะพันธุ์ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง พร้อมด้วยรัฐมนตรีช่วยว่าการฯ และปลัดกระทรวงการคลัง เพื่อติดตามแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจให้สอดคล้องกับนโยบายการคลัง โดยมุ่งเน้นการกระตุ้นการใช้จ่าย การลงทุนภาครัฐ การบริโภคภาคเอกชน และการส่งออกสินค้าและบริการ
ที่ประชุมยังได้หารือถึงมาตรการสำคัญ เช่น โครงการแจกเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 3 และแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านการท่องเที่ยว ซึ่งได้รับข้อมูลจากการประชุม ITB Berlin โดยมีแนวคิดในการยกระดับสินค้าเกษตรไทยสู่ตลาดยุโรป และส่งเสริมอุตสาหกรรมออกแบบและงานหัตถกรรมไทย นอกจากนี้ ยังมีแนวทางกระตุ้นเศรษฐกิจในระดับชุมชน โดยผลักดันการท่องเที่ยวในพื้นที่ที่มีศักยภาพ
นายกรัฐมนตรีกล่าวเสริมว่า ด้วยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ศักยภาพเศรษฐกิจไทยในปี 2568 คาดว่าจะเติบโตมากกว่า 3% แม้กระทรวงการคลังประเมินไว้ที่ 3% ก็ตาม โดยเครื่องยนต์หลักยังคงเป็นการบริโภค การส่งออก และการท่องเที่ยว
สำหรับโครงการแจกเงิน 10,000 บาท ระยะที่ 3 รัฐบาลตั้งเป้ากระตุ้นเศรษฐกิจดิจิทัล และรองรับความเสี่ยงที่อาจกระทบกำลังซื้อของประชาชน โดยกลุ่มเป้าหมายคือผู้มีอายุ 16-20 ปี ที่ลงทะเบียนผ่านแอปพลิเคชันของรัฐ และใช้จ่ายผ่าน QR Code ในร้านค้าตามพื้นที่ทะเบียนบ้าน
น.ส.แพทองธารเน้นย้ำว่า การกระตุ้นเศรษฐกิจต้องอาศัยความร่วมมือจากภาครัฐและเอกชน รวมถึงการบูรณาการหลายกระทรวง โดยเฉพาะการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลวางแผนขยายตลาดสู่กลุ่มนักท่องเที่ยวระดับสูง (Luxury) เพื่อเพิ่มค่าใช้จ่ายต่อหัว อีกทั้งยังให้ความสำคัญกับการพัฒนาเกษตรกรรม ตั้งแต่การวิจัยและพัฒนา การส่งออก ไปจนถึงการดูแลราคาสินค้าเกษตรให้เป็นธรรม เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตเกษตรกรและเพิ่มรายได้ให้ประเทศ


