หมัดต่อหมัด! "ไอซ์ รักชนก" ปะทะ "พิพัฒน์ รมว.แรงงาน" ถกปมงบประกันสังคม
หมัดต่อหมัด! ศึกเพื่อผู้ประกันตน "ไอซ์ รักชนก" ปะทะ "พิพัฒน์ รมว.แรงงาน" ถกปมงบประกันสังคม ชี้ เงินทุกบาทต้องโปร่งใส คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด
กรณีน.ส.รักชนก ศรีนอก สส.กทม.พรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) ศึกษาการจัดทำ และติดตามการบริหารงบประมาณ ออกมาเปิดเผยถึงความผิดปกติของงบประกันสังคมจนกลายเป็นกระแสวิพากย์วิจารณ์
โดย เมื่อวันที่ 21 ก.พ. 2568 น.ส.รักชนก และนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ได้เผชิญหน้ากันในรายการคุยข่าวนอกจอ โดยน.ส.รักชนกเป็นฝ่ายตั้งคำถามส่วนนายพิพัฒน์ เป็นผู้คอยชี้แจง
กองทุนประกันสังคมเป็นกองทุนที่ใหญ่ที่สุดในประเทศ มีความมั่งคั่งรวมกว่า 2.6 ล้านล้านบาท ทั้งหมดมาจากการสมทบร่วมจ่ายของลูกจ้าง-นายจ้าง-รัฐบาล เพื่อสร้างสวัสดิการดูแลคนทำงาน แต่ข่าวคราวที่ผ่านมาของกองทุนมีแต่เรื่องที่ชวนให้กังวลใจ ทั้งผลประโยชน์ตอบแทนผู้ประกันตนที่ถูกตั้งคำถามว่าคุ้มค่าหรือไม่ ความโปร่งใสในการใช้งบประมาณ และสถานะกองทุนที่ถูกคาดการณ์ว่าเสี่ยงล้มละลายในอีก 30 ปีข้างหน้า
น.ส.รักชนก ศรีนอก ผู้แทนกรุงเทพฯ เขต 28 ชี้ให้เห็นว่าทางรอดของกองทุนประกันสังคม คือต้องทำให้อยู่ในสายตา “ประชาชน” มีตัวแทนผู้ประกันตนที่มาจากการเลือกตั้งอยู่ในบอร์ดประกันสังคม เปิดเผยข้อมูลการบริหารจัดการสำนักงานและการลงทุน รวมทั้งพิจารณาความจำเป็นในการปรับโครงสร้างครั้งใหญ่ เพื่อทำให้กองทุนที่ดูแลคนทำงานกว่า 24 ล้านคนในประเทศนี้ อยู่ได้อย่างยั่งยืน
นี่คือการทำงานแบบ GPS ของพรรคประชาชน ที่ไม่เพียง “ตรวจสอบ” การทำงานของรัฐบาลอย่างเข้มข้นในฐานะฝ่ายค้าน แต่พร้อม “นำทาง” ด้วยข้อเสนอที่ดีกว่าเพื่อผลประโยชน์สูงสุดของประชาชน
บอร์ดประกันสังคม ต้องมาจากการเลือกตั้งของผู้ประกันตน
พ.ร.บ.ประกันสังคม ฉบับแก้ไขเพิ่มเติมปี 2558 กำหนดในมาตรา 8 ให้ "คณะกรรมการประกันสังคม" หรือ "บอร์ดประกันสังคม" มาจากการเลือกตั้ง โดยการเลือกตั้งครั้งล่าสุดเกิดขึ้นเมื่อ 24 ธันวาคม 2566 เป็นครั้งแรกในรอบ 9 ปีที่มีบอร์ดประกันสังคมมาแทนที่บอร์ดของคณะรัฐประหารคสช.
แต่เมื่อปี 2567 กลับมีข่าวว่ากระทรวงแรงงานกำลังเสนอร่าง พ.ร.บ.ประกันสังคมฉบับใหม่เปลี่ยนแปลงมาตรา 8 ให้การได้มาซึ่งบอร์ดสัดส่วนนายจ้างและลูกจ้าง "หลักเกณฑ์และวิธีการเลือกตั้งให้เป็นไปตามระเบียบที่รัฐมนตรี(แรงงาน)กำหนด" (ตามที่เห็นในภาพ)
แปลไทยเป็นไทยคือบอร์ดประกันสังคมไม่จำเป็นต้องมาจากการเลือกตั้งก็ได้ แต่จะได้มายังไงให้เป็นไปตามกฎหมายลูกที่ รมว.แรงงานประกาศ เรื่องนี้สร้างความกังวลแก่ผู้ประกันตนทั่วประเทศ พรรดประชาชนหรือพรรคก้าวไกลในเวลานั้น ได้แถลงคัดค้านทันที
น.ส.รักชนก จึงขอให้ นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ยืนยันว่าจะไม่ยกเล็กการเลือกตั้งบอร์ดประกันสังคม ผู้ประกันตนต้องได้เลือก ตัวแทนของตัวเอง
โดย นายพิพัฒน์ กล่าวว่า การเสนอร่างแก้ไขกฎหมายประกันสังคมดังกล่าว เกิดขึ้นในช่วงที่มีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ช่วงนั้นมีการทำประชาพิจารณ์กันว่าถ้าเกิดการแพร่ระบาดจนไม่สามารถให้คนมารวมตัวกันได้ จะทำอย่างไรอย่างไรก็ตาม ในฐานะตัวแทนพรรคภูมิใจไทยซึ่งเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ยืนยันเช่นเดียวกับพรรคประชาชน ว่าบอร์ดประกันสังคมต้องมาจากการเลือกตั้ง และจะไปคุยกับพรรคร่วมรัฐบาลตามนี้
บอร์ดแพทย์ ต้องมีตัวแทนผู้ประกันตน
ผู้ประกันตนทุกท่านรู้จัก "บอร์ดแพทย์' หรือไม่ ? ประกันสังคมประกอบด้วย บอร์ดใหญ่-บอร์ดเล็ก บอร์ดใหญ่นั้นมาจาก 3 ฝ่าย และบางส่วนมาจาก การเลือกตั้ง แต่บอร์ดเล็กมาจากการแต่งตั้งของ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน ประกอบด้วย 3 บอร์ด หนึ่งในนั้นคือ 'บอร์ดแพทย์' หรือคณะ กรรมการการแพทย์
ปัญหาอยู่ตรงที่ 'บอร์ดแพทย์' นั้นเป็นบอร์ดเล็ก แต่มีอำนาจมาก สามารถเคาะเรื่องสิทธิประโยชน์ การรักษาพยาบาลของผู้ประกันตน รักษาโรคไหน ได้ รักษากี่บาท เงินที่อยู่ในอำนาจการตัดสินใจของบอร์ดแพทย์คิดเป็นเงินราว 70,000 ล้านบาท แต่ที่มาของบอร์ดแพทย์กลับไม่ยึดโยงกับผู้ประกันตนเลย ต่างจากบอร์ดหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ที่มีสัดส่วนภาคประชาชน เป็นตัวแทนสะท้อนปัญหาและความต้องการของผู้ใช้บริการได้
และเนื่องจากบอร์ดแพทย์ชุดปัจจุบันจะครบวาระ 2 ปีในสิ้นเดือนกุมภาพันธ์นี้ น.ส.รักชนก จังขอคำยืนยันจาก นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รมว.แรงงาน ว่าเมื่อมีการแต่งตั้งบอร์ดชุดใหม่ รัฐมนตรีจะไม่กีดกันการมีตัวแทนของผู้ประกันตนอยู่ในบอร์ดแพทย์
ซึ่งนายพิพัฒน์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้หารือกับกลุ่ม "ประกันสังคมก้าวหน้า" ซึ่งเป็นบอร์ดประกันสังคม (บอร์ดใหญ่) สัดส่วนผู้ประกันตน ว่าให้เสนอชื่อคนที่จะมานั่งในบอร์ดแพทย์ เข้าใจว่าตอนนี้ส่งชื่อมาแล้ว 2-3 คน ตนพร้อมเปิดกว้างให้มาช่วยกันทำงาน
ดังนั้นเรื่องนี้รับปาก แต่ขอให้คนที่เข้านั่งในบอร์ดเป็นแพทย์ สามารถเป็นทั้งผู้เชี่ยวชาญและเป็นตัวแทนผู้ประกันตนได้หลังจากนี้ต้องติดตามดู บอร์ดแพทย์ชุดต่อไปจะมีตัวแทนผู้ประกันตน ตามที่ รมว.แรงงาน ยืนยันหรือไม่
เลือกมืออาชีพเข้าไปบริหาร เพื่อความยั่งยืนของกองทุนประกันสังคม
อย่างที่ทุกคนทราบว่ากองทุนประกันสังคมปัจจุบัน อยู่ในภาวะเสี่ยงล้มละลาย เมื่อปี 2566 นายวรภพ วิริยะโรจน์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน (ขณะเป็นพรรคก้าวไกล) เคยอภิปรายในสภาฯ ว่าหากยังบริหารแบบเดิม กองทุนจะล้มละลายในอีกประมาณ 30 ปีข้างหน้า เนื่องจากปัญหาหนี้และทำกำไรได้น้อย ผลตอบแทนในอดีตอยู่ที่ประมาณ 2% ไม่สามารถเอาชนะเงินเฟ้อได้
สิ่งที่เกิดขึ้นสะท้อนประสิทธิภาพในการบริหารกองทุนที่ผ่านมา ซึ่ง น.ส.รักชนก ชี้ว่าส่วนสำคัญเกิดจาก "ปัญหาเชิงโครงสร้าง"
กล่าวคือขณะที่บอร์ดประกันสังคม 21 คน ซึ่งมา จากการเลือกตั้ง 14 คน (นายจ้าง 7 ผู้ประกันตน7) และมาจากการแต่งตั้งอีก 7 คน
- ถ้าเป็นบริษัททั่วไป บอร์ดจะแต่งตั้ง CEO มาบริ
หารสำนักงาน
- แต่กองทุนประกันสังคม บอร์ดกลับไม่ได้แต่งตั้ง
CEO เลขาธิการสำนักงานประกันสังคมเป็น
ข้าราชการมาจากการแต่งตั้ง การตัดสินใจแต่ละอย่างจึงเป็นไปอย่างระแวงระวัง กังวลว่าทำอะไร แล้วจะผิดกฎหมายหรือไม่ อาจไม่กล้าตัดสินใจแม้ในเรื่องที่ดีต่อความอยู่รอดของกองทุนฯ
ด้วยข้อจำกัดเรื่องกฎระเบียบยุบยับที่กำกักำกับการทำงานของข้าราชการ และด้วยความสำคัญของกองกองทุนประกันสังคม น.ส.รักชนก จึงเสนอว่า ควรพิจารณาให้มืออาชีพหรือผู้เชี่ยวชาญเข้ามาบริหารจัดการกองทุน จะเป็นประโยชน์มากว่าแก่ผู้ประกันตน
นายพิพัฒน์ รมว.แรงงาน เห็นด้วยและเห็นว่าถ้าจะปรับโครงสร้างนี้ต้องมีการ "รื้อใหญ่" ปรับปรุงกฎหมายของประเทศ เพราะปัจจุบันประกันสังคมเป็นกรมหนึ่งภายใต้กระทรวงแรงงาน จึงต้องปฏิบัติตามกฎหมายของกระทรวงแรงงาน แต่ในอนาคตอาจแยกประกันสังคมออกมาเป็นอีกโครงสร้าง เช่นเป็นองค์การมหาชน สามารถสรรหาCEO เช่นเดียวกับการกีฬาแห่งประเทศไทยหรือการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย ที่เลือกผู้ว่าของตัวเอง
การประชาสัมพันธ์สิทธิประกันสังคมต้องคุ้มค่าเข้าถึงผู้ประกันตน
ในกิจกรรม Hack งบประกันสังคม เมื่อ 15 ก.พ.ที่ผ่านมา จัดโดย กมธ.ติดตามงบประมาณฯ ได้เปิดเผยความผิดปกติของงบประมาณประกันสังคม ที่ส่อไม่คุ้มค่าและไม่โปร่งใส เช่น งบด้านไอที 275 ล้านบาทที่ใช้ไปกับแอปพลิเคชัน SSO+ใช้งบขนาดนี้ แต่แอปฯ กลับได้เรตตั้งต่ำเตี้ยจากผู้ใช้งานเพียง 1.5
หรืองบด้านประชาสัมพันธ์เพื่อผลิตสื่อกระจายข่าวสารข้อมูลเกี่ยวกับสิทธิของผู้ประกันตน พบว่าเอาไปทำปฏิทิน 70 ล้านบาทต่อปี และใช้วิธีจัดซื้อจัดจ้างแบบเฉพาะเจาะจง ซึ่งรักชนกตั้งข้อ สังเกตว่าถ้าทำปฏิทันจำนวน 4,000,00000 ฉบับ ควรได้ราคาที่ถูกกว่านี้หรือไม่ เพราะตนเคยผลิต 50,000 ฉบับ ยังได้ราคาใกล้เคียงกัน ซึ่งเป็นเรื่องแปลก เพราะยิ่งผลิตมาก ยิ่งควรได้ราคาที่ถูกกว่ามาก
น.ส.รักชนก ยืนยันว่าไม่ขัดข้องที่ประกันสังคมจะจัดทำของที่ระลักแจกแก่ผู้ประกันตน ไม่ว่าจะเป็น ถุงผ้า ผ้ากันเปื้อน ขวดน้ำ ปฏิทัน เพียงแต่ขอให้คิดถึงความคุ้มค่าในการผลิต เพราะเงินทุกบาทมาจากเงินที่ผู้ประกันตนทั้งประเทศร่วมกันจ่าย
ด้าน นายพิพัฒน์ รมว.แรงงาน ยอมรับว่าสำนักงกงาน ประกันสังคมยังอ่อนเรื่องประชาสัมพันธ์ ต้องทำมากกว่านี้ เพื่อให้ผู้ประกันตนรับรู้และเข้าถึงสิทธิ โดยเฉพาะสิทธิประโยชน์รักษาพยาบาล อย่างการทำฟัน
ปัจจุบันมีข้อสรุปว่าจะเพิ่มจาก 900 เป็น 1,200 บาทต่อปี อีกทั้งขณะนี้กำลังทำประชาพิจารณ์ว่าในปีถัดไป ผู้ประกันตนยังต้องการปฏิทันหรือไม่ ถ้าไม่ต้องการ จะยกเลิกเพื่อนำเงินไปประชาสัมพันธ์ด้านอื่น
นอกจากนี้พรรคประชาชนยังได้เชิญชวนให้ผุ้ประกันตน ร่วมลงชื่อสนับสนุนให้ประกันสังคมเปิดเผยข้อมูลต่อสาธารณะอีกด้วย
ด้าน น.ส. รักชนก ย้ำว่าเรื่องกองทุนประกันสังคมคือเรื่องการเมือง การเมืองคือเรื่องของการจัดสรรทรัพยากร ทรัพยากรในประเทศนี้มีอยู่จำกัด แต่สามารถบริหารจัดการให้ประชาชนมีความมั่นคงในชีวิต มีคุณภาพชีวิตขั้นพื้นฐาน ปั้นปลายชีวิตไม่ต้องลำบาก ที่ผ่านมาการเมืองไม่เป็นธรรม การจัดสรรทรัพยากรจังไม่เป็นธรรมเงินทุกบาทในกองทุนประกันสังคมมาจากเงินของผู้ประกันตน
จึงต้องใช้อย่างโปร่งใส คุ้มค่า เกิดประโยชน์สูงสุด เช่นที่ตั้งคำถามเรื่องการดูงานในต่างประเทศ ดูแล้วได้องค์ความรู้อะไรกลับมาเป็นประโยชน์กับผู้ประกันตนบ้าง ทุก 1 ล้านบาทที่เราประหยัดได้จากโครงการที่บางคนบอกว่า 'หยุมหยิม' ถ้าเอาไปลงทุนผลตอบแทน 5% ต่อปี ผ่านไป 30 ปีจะกลายเป็น 4.32 ล้านบาท ลองคิดว่าถ้าประหยัดได้ร้อยล้าน ฟันล้าน หมื่น ล้าน จะเป็นเงินมหาศาลขนาดไหน


