posttoday

ภูมิใจไทย วอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมแก้ไขรัฐธรรมนูญ

13 กุมภาพันธ์ 2568

ประชุมร่วมรัฐสภา แก้รัฐธรรมนูญส่อล้ม ภูมิใจไทย วอล์กเอาต์ ไม่ร่วมสังฆกรรมแก้รธน. ขณะที่หลายพรรคการเมืองแสดงท่าทีไม่ร่วมด้วย รอศาลรัฐธรรมนูญมีมติส่งทำประชามติก่อนหรือไม่

เมื่อวันที่ 13กุมภาพันธ์ 2568  การประชุมร่วมรัฐสภา เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 เพื่อเปิดทางให้มีการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่

เมื่อเวลา 09.39 น. นายไชยชนก ชิดชอบ สส.บุรีรัมย์ แจ้งประธานที่ประชุมร่วมรัฐสภา สส.ภูมิใจไทย ไม่ขอร่วมพิจารณาแก้ไขรัฐธรรมนูญ หวั่นขัดคำวินิจฉัยศาลฯ ก่อน สส.ภูมิใจไทยทั้งหมดจะวอล์คเอาท์ออกจากห้องประชุม

ก่อนหน้านี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย แสดงจุดยืนของพรรคแล้วว่า  พรรคมีมติไม่ร่วมพิจารณา เพราะกระบวนการดังกล่าวไม่เป็นไปตามแนวทางที่ถูกต้องตามกฎหมาย เนื่องจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยตั้งแต่ปี 2564 ว่า หากต้องการแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ ต้องทำประชามติถามประชาชนก่อน ซึ่งในขั้นตอนปัจจุบันยังไม่มีการดำเนินการตามเงื่อนไขดังกล่าว

สำหรับการประชุมร่วมรัฐสภาวันนี้ มีวาระพิจารณาเรื่องด่วน 2 เรื่อง ได้แก่ ร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ..) พ.ศ. .... แก้ไขเพิ่มเติมมาตรา 256 และเพิ่มหมวด 15/1 ที่ฉบับแรกเสนอโดย นายพริษฐ์ วัชรสินธุ ส.ส.พรรคประชาชน กับคณะ และฉบับที่ 2 เสนอโดยนายวิสุทธิ์ ไชยณรุณ ส.ส.พรรคเพื่อไทย กับคณะ 

ทั้ง 2 ฉบับ มีสาระสำคัญ คือ ตั้งสภาร่างรัฐธรรมนูญ (สสร.) จำนวน 200 คน มาจัดทำรัฐธรรมนูญใหม่เพื่อใช้แทนที่รัฐธรรมนูญ 2560 ซึ่งจะแตกต่างกันตรงที่ร่างของ ส.ส.พรรคประชาชนเสนอใช้ระบบเลือกตั้ง สสร. ผสมบัญชีรายชื่อ แบ่งเขต สสร. เขียนใหม่ทั้งฉบับ ส่วนของ พรรคเพื่อไทย เสนอระบบแบ่งเขต ห้าม สสร. แก้ไขหมวด 1 และหมวด 2 เกี่ยวกับสถาบันพระมหากษัตริย์
               
สำหรับกรอบการอภิปรายรวม 19 ชั่วโมง แบ่งเป็นประธานในที่ประชุม 1 ชั่วโมง สมาชิกวุฒิสภา 6 ชั่วโมง ส.ส. พรรคฝ่ายรัฐบาล และฝ่ายค้าน ฝ่ายละ 6 ชั่วโมง โดยกรอบการประชุม 2 วัน คือ วันที่ 13 -14 ก.พ.นี้ เริ่มเวลา 09.30 น. ไปจนถึงเวลา 22.00 น. ในวันที่ 14 ก.พ. หลังจากอภิปรายเสร็จสิ้น 

เดิมคาดว่าในเวลา 15.00 น.จะเป็นการเริ่มกระบวนการลงมติให้ความเห็นชอบในวาระรับหลักการ ซึ่งกำหนดไว้จะเป็นการลงมติด้วยการขานชื่อสมาชิกเรียงตามลำดับอักษร จำนวนสมาชิกรัฐฐสภาเท่าที่มีอยู่ในขณะนี้ จำนวน 692 คน ซึ่งจำนวน ส.ส.มี 493 คน และ สว. 199 คน โดยร่างแก้รัฐธรรมนูญจะผ่านวาระที่ 1 รับหลักการ ต้องใช้เสียงเห็นชอบจาก ส.ส. และ สว. 346 เสียง และในจำนวนนี้ต้องมี สว. ที่รับหลักการอย่างน้อย 67 เสียง


ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมไทยสร้างชาติ มีท่าทีจะรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญก่อน ส่วนพรรคพลังประชารัฐ ประกาศชัดเจน ไม่สนับสนุนการแก้ไขรัฐธรรมนูญทุกรูปแบบ

 

ข่าวล่าสุด

3 ชาติผนึกกำลังทลาย 'KK Park - ชเวก๊กโก' รังใหญ่ "แก๊งคอลเซ็นเตอร์"