"นายกฯอุ๊งอิ๊งค์" ถกหอการค้า-สมาคมธนาคารไทยกู้วิกฤตเศรษฐกิจ
หอการค้าพบนายกฯอุ๊งอิงค์ แนะรัฐบาลใหม่กระจายงบฯ กระตุ้นเศรษฐกิจ สร้างขีดความสามารถแข่งขัน SMEs ขณะสมาคมธนาคารไทย สะท้อนปัญหา 5ด้าน ประเทศเผชิญกับดักหนี้ครัวเรือน แนะเติมเครื่องมือเข้าถึงสินเชื่อ
เมื่อวันที่ 23สิงหาคม 2567 หอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย, หอการค้าไทย-จีน สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สมาคมธนาคารไทย พบนางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เพื่อหารือ และเสนอแนะถึงสถานการณ์เศรษฐกิจในปัจจุบันที่อยากให้รัฐบาลที่นำโดยพรรคเพื่อไทยส่งเสริมผลักดัน
นายสนั่น อังอุบลกุล ประธานกรรมการหอการค้าไทยและสภาหอการค้าแห่งประเทศไทยนำข้อเสนอของภาคเอกชนผ่านการระดมความคิดเห็นจากเครือข่ายเอกชนทั่วประเทศใน 3 เรื่องเร่งด่วน ได้แก่
1)การสร้างความเชื่อมั่นทั้งในและต่างประเทศ โดยในระยะสั้น ได้แก่ การกระจายงบประมาณ, การกระตุ้นเศรษฐกิจไปยังประชาชน 3. กลุ่ม ทั้งกลุ่มเปราะบาง กลุ่มที่ยังพอมีกำลังซื้อ และกลุ่มมีกำลังซื้อสูง ,มาตรการช่วยเหลือและเยียวยา เช่น ลดค่าใช้จ่าย ค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมัน ตรึงราคาสินค้าจำเป็น,การกระจายอำนาจ และปรับปรุงกฎระเบียบที่มีอยู่ ในระยะยาว เช่น ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชน,การวัดผลสำเร็จด้านเศรษฐกิจตั้ง KPI เช่นการกำหนดจีดีพีที่ 3-5%
2) การสร้างขีดความสามารถในการแข่งขัน SMEs ด้วยกลยุทธ์ (ผลักดัน – ตั้งรับ – จับมือ) ‘การผลักดัน’ คือ ช่วยให้สินค้าไทยแข่งขันกับสินค้าจากต่างประเทศได้อย่างเท่าเทียมและเป็นธรรม เช่น การสร้างนโยบาย E-Commerce ของชาติ ‘การตั้งรับ’ คือ มาตรการปกป้องสินค้า ไม่แข่งขันด้านราคา เน้นบังคับใช้ Local content
3) การวางยุทธศาสตร์ประเทศเพื่อการเติบโตในอนาคตอย่างยั่งยืน
นายณรงค์ศักดิ์ พุทธพรมงคล ประธานกรรมการหอการค้าไทย-จีน กล่าวว่า ประเทศไทย แม้มีการขาดดุลการค้าจากจีน ส่วนหนึ่งมาจากการนำเข้าปุ๋ยเพื่อการเกษตร ซึ่งถือเป็นสินค้าทุน ที่เกษตรกรไทยนำมาเพิ่มมูลค่าส่งออกไปยังประเทศต่างๆ ซึ่งจีนยังเป็นตลาดสินค้าเกษตรแปรรูปที่ใหญ่ที่สุดของไทย ที่ผ่านมากระทรวงพาณิชย์ โดยนายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ นำสินค้าไทยไปโรดโชว์ที่จีน สร้างมูลค่าเข้าประเทศหลายพันล้านบาท ขอให้เดินหน้าต่อไป
นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง กล่าวว่า เราอยากเห็นธนาคารของไทย เข้ามามีส่วนร่วมในนโยบายรัฐบาลให้มากขึ้น พร้อมอัพเดตขั้นตอนการดำเนินนโยบาย Finacial hub ซึ่งอยู่ในขั้นตอนร่างกฎหมาย คาดว่า 3-4 เดือนจะมีความชัดเจน ส่วนการจัดตั้งสถาบันค้ำประกันเครดิตแห่งชาติ (National Credit Guarantee Agency : NaCGA) ตัวร่างกฎหมายคืบหน้า 95% แล้ว
สำหรับข้อเสนอของสมาคมธนาคารไทย โดยนายผยง ศรีวณิช ประธานสมาคมธนาคารไทย กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย และดร.สมประวิณ มันประเสริฐ รองผู้จัดการใหญ่ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มงาน EIC ธนาคารไทยพาณิชย์ สรุปปัญหาที่ประเทศไทยกำลังเผชิญ 5 ด้าน ได้แก่
1.ปัญหาหนี้ครัวเรือน 91.4% ต่อจีดีพี และ 27% ของครัวเรือนเข้าไม่ถึงสินเชื่อในระบบ โดยที่รุนแรงคือหนี้รถ หนี้บ้าน
2.แผลเป็นด้านรายได้
3.เศรษฐกิจนอกระบบสูง
4.ไม่พร้อมในการก้าวสู่เศรษฐกิจใหม่
5.Safety net ไม่ครอบคลุม รายได้ไม่พอรายจ่าย ไม่มีเงินออม
พร้อมข้อเสนอ 5 แนวทาง ได้แก่
1.ผันเศรษฐกิจนอกระบบเข้าสู่ในระบบ จะสร้างตัวคูณทางเศรษฐกิจได้สูง สร้างรายได่ใฟ้ทันรายจ่าย
2.เติมเครื่องมือเพื่อช่วยให้ SMEs เพื่อให้ปรับตัวได้และเพิ่มการเข้าถึงสินเชื่อ
3.แก้หนี้ครัวเรือนและให้สินเชื่ออย่างยั่งยืน
4.เพิ่มศักยภาพในการแข่งขันให้กับผู้ประกอบการและก้าวทันกระแสโลก
5.เร่งดึงดูดการลงทุนจากต่างประเทศเพื่อสนับสนุนการเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจในภูมิภาค ด้วยการเร่งผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางทางการเงินของภูมิภาค สร้างความต่อเนื่องของโครงการ EEC
นายผยง กล่าวว่า รัฐบาลมองในมิติที่ยืดหยุ่นขึ้น connect the dots ที่มีจุดเพิ่มขึ้น สอดคล้องกับเราที่แก้หนี้ครัวเรือนให้ครบจบ รัฐบาลมองหนี้บ้าน และรถที่เป็นปัญหาของชนชั้นกลาง เดี๋ยวขอไปทำการบ้านต่อ”


