เปิด 2 ฉากทัศน์ ผ่านวันพิพากษา นายกฯ 14 ส.ค. กับผลกระทบการเมือง เศรษฐกิจ
วันที่ 14ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำพิพากษา ตัดสิน ชี้ชะตา เศรษฐา ทวีสิน จะต้องพ้นจากการเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ บนหนทางที่ออกมาได้ 2 ทาง รอด ไม่รอด ฉากทัศน์การเมืองจะเป็นอย่างไร หลังทราบคำวินิจฉัยแล้ว เป็นเรื่องที่น่าติดตามอย่างยิ่ง
KEY
POINTS
- 14ส.ค. ศาลรัฐธรรมนูญ นัดอ่านคำวินิจฉัย เศรษฐา ทวีสิน พ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีหรือไม่
- 2 ฉากทัศน์ กับสิ่งที่จะเกิดขึ้นกับการลงมติจาก 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เศรษฐา รอดพ้นความผิด กับ เศรษฐา มีความผิด
- ไม่ว่า ฉากทัศน์ใดออกมา ย่อมส่งผลต่อ การเมือง ความเชื่อมั่น ทิศทางทางเศรษฐกิจ ในแง่มุมที่แตกต่างกันออกไป
วันพุธ 14 สิงหาคม 2567 'ศาลรัฐธรรมนูญ' นัดวินิจฉัย 'เศรษฐา ทวีสิน' พ้นจากการเป็น นายกรัฐมนตรีหรือไม่ จากการแต่งตั้ง 'พิชิต ชื่นบาน' ทั้งที่รู้ว่าขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี
ภาษากาย นายกรัฐมนตรี ในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา บรรดาคนใกล้ชิด มองไปในทิศทางที่ดี เชื่อมั่นว่า โอกาสรอด หรือ ผลออกมาในทิศทางบวก มากกว่า จะเป็นไปในทิศทางลบ ก็ตาม
บรรดานักวิเคราะห์การเมือง ผู้เฝ้ามองติดตามสถานการณ์การเมือง คาดการณ์ ผลการลงมติ จาก 9 ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ออกมาเป็นที่เรียบร้อย แม้จะ ไม่เอกฉันท์ ก็ตาม แต่สรุปผลสุดท้าย ถือว่า ยังรอด
เศรษฐา ให้สัมภาษณ์หลังการประชุมครม.วันที่13ส.ค. ถึงกรณีศาลธรรมนูญ นัดวินิจฉัยความเป็นรัฐมนตรีสิ้นสุดหรือไม่ ในวันที่ 14 ส.ค.
'ได้ส่งข้อมูลคำแถลงปิดคดีไปครบแล้ว วันที่ 14ส.ค. มีการประชุมภายในกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในเรื่องการบริหารราชการแผ่นดิน ในทำเนียบรัฐบาล'
เมื่อถามว่า มีแผนสำรองหรือไม่หากสุดท้ายแล้วไม่ได้เป็นนายกฯ นายเศรษฐา ยิ้มก่อนกล่าวว่า “ไม่ได้คุยครับ”
ถามว่า มีแผนสำรองตามที่นายวิษณุระบุ หากนายกฯ รักษาการมีอำนาจยุบสภา นายเศรษฐา กล่าวว่า 'ไม่ได้คิดเลย ให้เรื่องมันเกิดขึ้นก่อนแล้วค่อยว่ากัน'
ไม่ว่าอย่างไร ทิศทางที่จะออกได้ในวันวินิจฉัยคดีนายกรัฐมนตรี 14 สิงหาคม เป็นไปได้ 2 แนวทาง 2 ฉากทัศน์
รอด- ไม่รอด ซึ่งแต่ละทิศทาง ล้วนส่งผลกระทบ ผลสั่นสะเทือนทางการเมือง ในแง่มุมแตกต่างกันออกไป
ไม่รอด
-นายเศรษฐา สิ้นสุดพ้นจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีทันที
-รองนายกรัฐมนตรีคนที่1 ภูมิธรรม เวชยชัย ทำหน้าที่รักษาการนายกรัฐมนตรี
- รักษาการนายกรัฐมนตรี มีอำนาจในการยุบสภาผู้แทนราษฎร
มุมมองทางเศรษฐกิจ
-มีความหวั่นวิตก สิ่งที่ นายกฯเคยไปลงนาม กับต่างประเทศ จะส่งผลกระทบอะไรหรือไม่
-ความเชื่อมั่น ต่อนักลงทุน ภาคธุรกิจ กับเสถียรภาพความไม่แน่นอนทางการเมือง
-การพิจารณางบประมาณพ.ศ.2568 วงเงิน 3.75 ล้านล้านบาท รอการลงมติวาระ2-3 เดือนกันยายน
ยุบสภาฯ
-จัดการเลือกตั้งใหม่ ภายใน45 ถึง 60 วัน
ไม่ยุบสภาฯ
-ที่ประชุมสส. โหวตด้วยเสียงเกินกึ่งหนึ่ง เลือกนายกรัฐมนตรี จากบัญชีรายชื่อ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีฝั่งรัฐบาล
(แพทองธาร ชินวัตร / ชัยเกษม นิติสิริ พรรคเพื่อไทย / อนุทิน ชาญวีรกูล พรรคภูมิใจไทย / พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ์ พรรคพลังประชารัฐ / นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ)
รอด
-นายเศรษฐา ดำรงตำแหน่ง ปฏิบัติหน้าที่นายกรัฐมนตรีต่อไป
-ขับเคลื่อนโยบายรัฐบาล นโยบายเรือธงพรรคเพื่อไทย ดิจิทัลวอลเล็ต ฯ
ปรับครม.
พรรคร่วมรัฐบาล 11 พรรค 314 เสียง เพื่อไทย 141 ภูมิใจไทย 71 (หยุดปฏิบัติหน้าที่ 1 คน) พลังประชารัฐ 40 รวมไทยสร้างชาติ 36 ชาติไทยพัฒนา 10 ประชาชาติ 9 ชาติพัฒนา 2 เพื่อไทรวมพลัง 2 เสรีรวมไทย 1 ท้องที่ไทย 1 พลังสังคมใหม่ 1
-คาดการณ์ปรับรัฐมนตรีบางคนใน พรรคพลังประชารัฐ (อาจส่งผลต่อคะแนนเสียงสส.ในขั้วพรรคพลังประชารัฐ สูงสุด 20 เสียง อาจดึง 21 สส.ประชาธิปัตย์ จาก 25 ที่นั่ง มาร่วมรัฐบาลแทน)
-เกลี่ยโควตา รัฐมนตรีในสัดส่วน ประชาธิปัตย์ พลังประชารัฐ กันใหม่ รวมทั้ง เติมโควตา รัฐมนตรี รวมไทยสร้างชาติ อีกหนึ่งที่นั่ง
มิติทางเศรษฐกิจ
-ภาคเอกชน ตลาดทุน คลายความกังวล ไม่มีการเปลี่ยนายกรัฐมนตรี
-รัฐบาลขับเคลื่อน นโยบายต่างๆ กระตุ้นเศรษฐกิจ โดยเฉพาะ ดิจิทัลวอลเล็ต
-ผลักดันกฎหมาย Entertainment Complex เข้าสภาฯ
-ขับเคลื่อนโยบายท่องเที่ยว เต็มรูปแบบรองรับ ไฮซีซั่นปลายปี67 ผลักดันปี2568 วาระแห่งชาติ ปีแห่งการท่องเที่ยวไทย
-เปิดประมูล โครงการแลนด์บริดจ์ในปี2568
-คาดการณ์ การลงทุน FDI (Foreign Direct Investment) จากบริษัทขนาดใหญ่ ตกลงจะมาลงทุนในปี2569 มากกว่า 1 ล้านล้านบาท
บทสรุปสุดท้าย ฉากทัศน์ ชะตากรรมเศรษฐา นายกรัฐมนตรี กับ ทิศทางประเทศจะเป็นอย่างไรต่อไป หลังบ่ายสาม 14 ส.ค. มีคำตอบแน่นอน


